50 Must-Read Bestselling Books

  • 8 Key Insights 13 Things Mentally Storng People Don’t Do

    “13 Things Mentally Strong People Don’t Do” หนังสือที่เขียนโดย Amy Morin ในปี หนังสือที่เสนอข้อคิดเกี่ยวกับความแข็งแกร่งทางจิตให้กับผู้อ่าน โดยเน้นไปที่พฤติกรรมและทัศนคติที่ต้องการที่จะละเว้นหรือหลีกเลี่ยงเพื่อให้มีความแข็งแกร่งทางจิตใจอย่างยั่งยืน และนี่คือ 13 ข้อที่คนเข้มแข็งเลือกที่จะ “ไม่ทำ” ที่จะช่วยให้คุณพัฒนาและเพิ่มความเข้มแข็งทางจิตในชีวิตประจำวันของคุณได้ 13 Things Mentally Storng People Don’t Do 1. ไม่เสียใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ – คนที่เข้มแข็งจะรู้สึกถึงความสำคัญของความคิดที่สำคัญและเรียนรู้การปล่อยให้ความคิดที่ไม่สำคัญผ่านไปโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ 2. ไม่กังวลเกินไปเกี่ยวกับความคิดของผู้อื่น – คนที่เข้มแข็งจะไม่อยากควบคุมหรือกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้อื่นมากจนเกินไป และให้ความสำคัญกับและเคารพในความเชื่อและความคิดที่เห็นต่างจากตัวเอง 3. ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง – คนที่เข้มแข็งจะปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง มีความยืดหยุ่นในการเผชิญกับสถานการณ์ใหม่และพร้อมที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ ได้ 4. ไม่โฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ – ไม่ใช้เวลาและ Energy ไปกับการกังวลกับสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ต้องยอมรับว่ามีบางอย่างที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ 5. ไม่เสียเวลาแย่งชิงกับผู้อื่น – คนที่เข้มแข็งจะไม่เสียเวลาไปกับการแข่งขันที่ต้องการเอาชนะ แต่ให้ความสำคัญไปกับการให้ความร่วมมือและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น 6. ไม่กลัวความเสี่ยงที่ประเมินได้

    22/06/2023
  • 8 Key Insight Mindful Relationship Habits

    หนังสือ Mindful Relationship Habits โดย S.J. Scott และ Barrie Davenport หนังสือที่แชร์เคล็ดลับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้แก่กัน เป็นการปลูกฝังให้สร้างนิสัยและสติเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นและยาวนานอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เป็นวิธีที่ถูกออกแบบให้ทำตามง่ายและฝึกฝนได้ทุกวัน 8 Key insights Mindful Relationship Habits S.J. Scott & Barrie Davenport 1. ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ (Your relationship should be a priority) ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ความสัมพันธ์ของคุณควรเป็นสิ่งสําคัญเป็นอันดับแรก ควรใส่ใจและทุ่มเทเวลาเพื่อให้ความสัมพันธ์ของคุณเติบโต 2. มุ่งมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของคุณ (Commit to a life of mindfulness) การจะพัฒนาความสัมพันธ์ก็ต้องฝึกการเจริญสติทุกวันเป็นตัวช่วย ถึงจะต้องอาศัยความพยายามอย่างหนัก แต่มั่นใจว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า 3. ไม่ควรระบายความหงุดหงิดไปให้ผู้อื่น (Don’t transfer your frustrations to your partner)

    18/05/2023
  • 8 Key insights วิธีพูดกับทุกคน ในทุกสถานการณ์ (How to Talk to Anyone)

    by Leil Lowndes หนังสือ How to Talk to Anyone โดย Leil Lowndes หนังสือที่รวบรวมเทคนิคที่จะช่วยให้คุณเปล่งประกายทุกครั้งไม่ว่าจะพูดกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ตาม “เคยไหมที่คุณรู้สึกชื่นชมคนเก่งที่พูดคุยได้อย่างมั่นใจ เวลาพรีเซ้นหน้าห้องหรือสามารถชวนผู้อื่นพูดคุยได้อย่างไม่มีเคอะเขิน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่เป็นที่แปลกใจที่จะมีแต่ผู้อื่นรายล้อมตัวพวกเขา” แต่เมื่อเขาทำได้ คุณก็สามารถทำได้เช่นกัน หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้คนเริ่มอยากเข้ามาคุยกับคุณ ทำให้คุณแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนหนาแน่นที่กำลังคุยกันอยู่ได้อย่างไร และทำให้คุณดูเป็นคนรอบรู้ในสายตาคนอื่นได้อย่างไร วิธีทำให้คนที่เพิ่งพบเป็นครั้งแรกรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่าแก่ตั้งแต่แรกพบ และกลเม็ดอื่นๆ อีกมากมาย ทริคเล็กๆ ที่ไม่ลับที่อาจเปลี่ยนคุณเป็นอีกคนเพียงเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ 8 Key insights วิธีพูดกับทุกคน ในทุกสถานการณ์ 1. พัฒนาคำพูดใหม่ๆ อยู่เสมอ  ผู้คนให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณพูด และหากคุณใช้คำเดิมๆ อยู่เสมอ พวกเขาจะเริ่มไม่สนใจฟังสิ่งที่คุณพูด ค้นหาคำศัพท์ทั่วไปที่คุณใช้ทุกวันและหมั่นปรับปรุงการพูดของคุณ. 2. ทำไมเราต้องคุยกับใครต่อใคร การเริ่มต้นการสนทนาเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการขายไอเดียของคุณ เมื่อคุณรู้ว่าควรพูดอะไรในเวลาที่เหมาะสม ผู้คนจะยินดีรับฟังคุณมากขึ้น 3. พูดอย่างไรให้ถูกต้อง คุณไม่จำเป็นต้องดู Smart ทุกครั้งเมื่อคุณพูด ความแตกต่างระหว่างการพยายามทำให้ดู

    27/04/2023
  • 8 Key Insight เริ่มจากคำว่า “ไม่” (Start with NO)

    By Jim Camp “การเจรจาเป็นเรื่องของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่ายหรือมากกว่าและทุกฝ่ายมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ” วิธีที่ดีที่สุดในการเจรจาต่อรอง จุดอ่อนในการเจรจา 8 บทเรียนจาก Start with NO เริ่มจากคำว่า “ไม่” By Jim Camp 1. รู้เป้าหมายของตนเอง คนส่วนมากมีเป้าหมายในการเจรจาที่ไม่ชัดเจน แต่ที่จริงแล้วผลลัพธ์จริงสุดท้ายแล้วก็คือการมีข้อตกลงที่ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนนั่นเอง การทำให้เป้าหมายที่ชัดเจนของคุณเป็นส่วนหนึ่งของวาระประชุมหรือการเจรจา จะช่วยให้คุณควบคุมการเจรจาและบรรลุผลลัพธ์ที่แท้จริงได้ 2. การยอมรับและเห็นคุณค่าในตนเอง การเห็นคุณค่าในตนเองจะทำให้คุณมีความมั่นใจแม้ในเวลาที่ต้องตัดสินใจในช่วงที่ลำบาก เพื่อจะที่จะสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ให้เริ่มจากการเต็มที่กับทุกโอกาสที่คุณเจอข้างหน้า 3. อย่าช่วยเหลือฝ่ายตรงข้าม หากคุณช่วยฝ่ายตรงข้าม คุณอาจจะต้องรับผิดชอบในการตัดสินใจของพวกเขาด้วย หากเกิดปัญหาขึ้นในภายหลังพวกเขาอาจโยนความผิดหรือตำหนิคุณได้ 4. การโดนล่อลวงด้วย Presentation Presentation ที่สวยงามและโดดเด่นอาจเป็นจุดบอกที่มองไม่เห็น และอาจทำให้หลงประเด็น ให้ใช้การตั้งถามเพื่อกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามแสดงความคิดเห็นหรือวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ 5. บทบาทและวาระในการเจรจา สิ่งสำคัญคือการพูดคุยในประเด็นสำคัญและนำประเด็นเหล่านั้นเข้าสู้การเจรจาโดยมีวาระการประชุม อีกทั้งการมี Agenda ในการประชุมยังมีประโยชน์ในการรักษาสถานการณ์และการควบคุมอารมณ์ได้อีกด้วย 6. สัมภาระและกระเป๋าเดินทางของคุณ สัมภาระในกระเป๋าเดินทางของคุณเปรียบเสมือนการสะสมประสบการณ์ที่ผ่านมาของคุณที่คุณพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย อยากให้คุณลองเปิดใจรับสัมภาระอะไรก็ตามที่คุณคิดว่าจะเป็นปัญหาหรืออุปสรรคในการเจรจา และขอให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถจัดการกับปัญหาเหล่านั้นได้ 7. จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรียนรู้วิธีการจัดการกับธุรกิจของคุณโดยการเจรจาและสงสัยเสมอว่าต่อไปในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น วิธีการนี้จะช่วยปกป้องคุณจากสมมติฐานที่ไม่สมเหตุสมผล 8.

    07/04/2023
  • 8 Key Insights วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข (How to Stop Worrying and Start Living)

    “ความกังวลที่เกิดจากความกลัวทำให้เราอยู่ในวังวนของการคิดมาก” วิธีจัดการกับการคิดมากและความกังวล 6 วิธีลดความกังวลเรื่องเงิน 1 ซื่อสัตย์ต่อรายรับและรายจ่ายของตัวเอง 2 จดบันทึกด้านการเงินอย่างละเอียดและตั้งเป้าการใช้เงินอย่างสมเหตุสมผล 3 สอนลูกๆ ของคุณรู้จักการใช้เงิน 4 อย่าสร้างภาระผูกพันทางการเงินที่คุณไม่สามารถจ่ายได้ 5 ทำประกันบ้าน สุขภาพ และทรัพย์สินของคุณ 6 หาวิธีที่คุณสามารถสร้าง Passive Income ได้ Key insights 1. การพักผ่อนไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย มันเป็นสิ่งจำเป็น อย่าจัดลำดับการพักผ่อนไว้เป็นลำดับสุดท้าย ความกังวลเกิดจากจิตใจที่เหนื่อยล้า หากคุณนอนไม่หลับ ให้ลองทำสมาธิ ออกกำลังกายเบาๆ หรืออ่านหนังสือจนกว่าคุณจะรู้สึกเหนื่อยมากขึ้น 2. ทำตัวเองให้ยุ่งแล้วลืมความกังวล! วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากในการควบคุมความวิตกกังวลคือการทําให้ตัวเองยุ่งมากที่สุด หากคุณใช้เวลากับกิจกรรมที่สนุกสนานและเพลิดเพลิน คุณจะไม่มีที่พื้นที่สำหรับความกังวลและคิดมาก 3. คุณมีพลังมากกว่าที่คุณคิด คุณอาจคิดว่าเมื่อคุณกังวลเกี่ยวกับบางสิ่ง คุณจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ไม่จริงหรอก และเมื่อคุณตื่นนอนในทุกๆ วัน ขอให้คุณโฟกัสแค่ 24 ชั่วโมงตรงหน้าคุณแค่นั้นพอ 4. ให้เครดิตตัวเองสักนิด ในเมื่อคุณสามารถปรับตัวและผ่านความยากลำบากในอดีตมาได้ ดังนั้นคุณต้องให้เกียรติตัวเองบ้างและชื่มชมความสามารถของตัวเองในการปรับตัวและรับมือกับความท้าทาย 5. ความกังวลแสดงอาการทางกายภาพ ความกังวลทำให้จิตใจของคุณปั่นป่วนตลอดเวลาและส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย

    03/03/2023
  • 8 Key Insights 5 ภาษารัก (5 Love Languages)

    By Gary D. Chapman ‘ภาษารัก’ แนวคิดจากหนังสือ ‘The Five Love Languages’ ที่เขียนโดย Dr. Gary Chapman ที่กล่าวว่า คนเราจะแสดงความรักในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ คุณควรรู้และทำความเข้าใจได้ว่าภาษารักของคู่รักของคุณเป็นแบบใด มาลองทำความรู้จักกันว่า 5 ภาษารักนี้มีอะไรบ้าง และมีแบบใดตรงกับคุณและคู่รักของคุณบ้าง The 5 Love Languages : 5 ภาษารัก 3 Things to Know About Love 3 ข้อควรรู้เกี่ยวกับความรัก 8 Key Insights 5 ภาษารัก (5 Love Languages) 1. อาการคลั่งรัก เป็นความโรแมนติกในช่วงแรก คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวาและประหม่าในบางครั้ง มีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน และจะมองข้ามข้อบกพร่องในคู่ของคุณ ในช่วงเวลานี้มักจะใช้ระยะเวลาอยู่ที่ 6-24 เดือน 2.

    16/02/2023
  • 8 Key Insights 5 ลักษณะการทำงานที่ทำให้ทีมไม่มีประสิทธิภาพ (5 Dysfunctions of a Team)

    by Patrick Lencioni 5 ลักษณะการทำงานที่ทำให้ทีมไม่มีประสิทธิภาพ ลักษณะการทำงานที่ผิดปกติส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพของทีม แต่สำหรับคนที่มีภาวะผู้นำและทักษะในการจัดการที่ดีจะสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ โดย 5 ลักษณะการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของทีม ได้แก่ 1. ไม่ใส่ใจผลลัพธ์ เกิดจากการที่แต่ละคนให้ความสนใจกับความสำเร็จของตนเอง และลืมโฟกัสเป้าหมายส่วนรวม เพื่อให้ทีมมุ่งเน้นผลลัพธ์ร่วมกันสิ่งสำคัญคือต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการประเมินผล 2. หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ เพราะผลลัพธ์ของทีมขึ้นอยู่กับความสามารถของสมาชิกในทีม ทีมที่หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ ทำให้พนักงานที่มีความทุ่มเทรู้สึกท้อแท้ (เฟล) เราสามารถแก้ไขโดย ทบทวนความคืบหน้าอย่างสม่ำเสมอและให้รางวัลแก่ความสำเร็จของทีมแทนการให้เป็นรายบุคคล 3. ขาดความมุ่งมั่น หากสมาชิกในทีมหลีกเลี่ยงการพูดคุยกันในหัวข้อที่ขัดแย้งหรือได้ข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน ทีมก็ไม่สามารถทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของทีมได้ แก้ไขได้โดยการบังคับให้สรุปเรื่องสำคัญที่ต้องตัดสินใจทั้งหมดที่เกิดขึ้นในที่ประชุม หารือเกี่ยวกับข้อผิดพลาดหรือ worse case ที่อาจจะเกิดขึ้น หากสามารถทำได้ ทีมของคุณจะเข้าใจทิศทางการทำงานและสามารถจัด piority ได้อย่างชัดเจน 4. กลัวความขัดแย้ง ทีมที่กลัวความขัดแย้งมักจะเกิดเหตุการณ์ที่สมาชิกในทีมลังเลที่จะออกความคิดเห็น เพราะกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งภายในทีมขึ้น ส่งผลให้ทีมของคุณจะไม่เกิดไอเดีย หรือความคิดที่หลากหลาย คุณสามารถช่วยเช็คความขัดแย้งได้โดยการเสนอไอเดียที่ไม่ดีในที่ประชุม ทำให้สมาชิกในทีมเกิดการคัดค้าน ซึ่งจะทำให้ทีมเห็นว่า การแสดงความคิดเห็นคัดค้านบางครั้งก็เป็นประโยชน์ต่อทีม ส่งแลให้ทีมเกิดแนวคิดที่หลายหลาก อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว 5.ขาดความไว้วางใจ ทีมที่ขาดความไว้วางใจจะปกปิดจุดอ่อนและข้อผิดพลาดซึ่งกันและกัน เกิดความลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือเมื่ออยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตนเอง และหลีกเลี่ยงการประชุมหรือใช้เวลาร่วมกัน คุณสามารถเอาชนะได้ด้วยการให้สมาชิกในทีมมุ่งเน้นไปที่จุดแข็งของคนในทีมรวมถึงตนเองด้วย วิธีนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจรวมถึงสร้างแรงบันดาลใจให้สมาชิกในทีม

    27/01/2023
  • 8 Key Insights เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น (Atomic Habits)

    โดย James Clear 1. ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ทั้งหมดเกิดขึ้นจากจุดเริ่มต้นง่ายๆ ต้นกำเนิดของทุกนิสัยเป็นเพียงตัวเลือกเล็กน้อย ไม่มีสถานที่ หรือเวลาผิดในการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง ถ้าคุณสร้างนิสัยใหม่ต่อไป คุณจะถึงจุดนั้น เปลี่ยนแปลงและได้รับความสำเร็จ 2. การแสดงออกด้วยท่าทางที่ชัดเจน เมื่อคุณแสดงออกที่ชัดเจนของนิสัยที่ดี คุณจะสามารถระบุและกระตุ้นนิสัยเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย เพื่อช่วยให้คุณมุ่งความสนใจไปที่พฤติกรรมที่พึงปรารถนาและส่งเสริมผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ 3. การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จำนวนครั้งที่คุณสร้างนิสัยสำคัญต่อการเติบโตของคุณมากกว่าระยะเวลาที่คุณทำจนเป็นนิสัย ยิ่งคุณทำนิสัยซ้ำๆ บ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะชินกับมันเร็วขึ้นเท่านั้น 4. การเลือกนิสัยมีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณ ความก้าวหน้าเป็นเรื่องง่ายหากคุณเลือกนิสัยที่เหมาะสม นิสัยที่ดีทำให้ผู้คนชื่นชอบคุณและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ ในทางกลับกัน นิสัยแย่ๆ ทำให้ชีวิตคุณเต็มไปด้วยความเครียด ความผิดหวัง และความคับข้องใจ ล้มเหลว 5. ลบนิสัยเชิงลบ เมื่อคุณตระหนักว่าการกระทำใดที่ทำให้คุณไม่มีความสุข คุณสามารถระบุนิสัยที่ทำให้คุณไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ทำให้ยากที่จะทำอีก และเน้นถึงประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการหลีกเลี่ยง 6. รวบรวมนิสัยของคุณเข้าด้วยกัน การซ้อนนิสัยเป็นเทคนิคที่รวมนิสัยใหม่เข้ากับนิสัยที่มีอยู่ แทนที่จะเชื่อมโยงนิสัยใหม่ของคุณกับเวลาและสถานที่ที่แน่นอน คุณกลับเชื่อมโยงกับสิ่งที่มีอยู่เดิม 7. นิสัยของเราขึ้นอยู่กับวัฒนธรรม ลักษณะที่ดึงดูดเราถูกกำหนดโดยวัฒนธรรมที่เราอาศัยอยู่ เนื่องจากความปรารถนาอันแรงกล้าของเราที่จะเข้าร่วมและเป็นสมาชิก เราจึงเลือกที่จะโอบรับลักษณะที่สังคมชื่นชมและยอมรับ 8.ใช้รางวัลเพื่อพัฒนานิสัย เมื่อพูดถึงการแสวงหารางวัล สมองของคุณมีวงจรประสาทมากขึ้น ทุกๆ การกระทำเป็นผลมาจากการคาดหวัง การตอบสนองจะขับเคลื่อนด้วยความปรารถนาที่จะรู้สึกดี

    06/01/2023
  • 8 Key Insights รูปแบบการทำงานแบบใหม่ในยุคดิจิทัล (Deep Work)

    By Cal Newport “Deep Work ทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพเมื่อต้องเจอสิ่งรบกวนในการทำงานตลอดเวลา” ในท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสื่อ Social media และการทำงานแบบเปิดที่พนักงานแต่ละแผนกสามารถเข้าถึงกันได้ง่าย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนที่จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง Deep Work เป็นคำที่ศาสตราจารย์ Cal Newport ได้นิยามขึ้น ซึ่งหมายถึงการทำงานในสภาวะที่ไร้สิ่งรบกวน ซึ่งเป็นสภาวะที่เราสามารถโฟกัสกับงานได้เต็มที่โดยไม่เสียสมาธินั้นมีความสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน เกิดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ 4 ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล 3 กลุ่มคน ที่สร้างกระแสในยุคดิจิทัล แต่ในเมื่อเราไม่สามารถเลี่ยงสิ่งรบกวนที่เกิดขึ้นโดยตรงได้ เรามี 4 เทคนิคที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแม้อยู่ในท่ามกลางสิ่งรบกวน 1. ทำงานอย่างตั้งใจให้ลึกซึ้ง ทำงานอย่างตั้งใจ พาสมาธิไปโฟกัสอยู่ที่งาน ไม่เข้า Internet หรือเปิดโทรศัพท์เพื่อทำให้เสียสมาธิ 2. เลิกสนใจกับสิ่งที่ทำให้รบกวนสมาธิ เสียงรบกวนและโทรศัพท์ สื่อ Social Media คือสิ่งรบกวนอันดับต้นๆ ที่ทำให้เสียสมาธิมากที่สุด สิ่งที่สามารถทำได้คือการเลิกสนใจสิ่งรอบข้างต่างๆ ณ ช่วงเวลาที่กำลังโฟกัสกับงาน เช่น ไม่เปิดโทรศัพท์ สื่อ Social Media หรือ หาที่เงียบๆ สำหรับนั่งทำงานเช่น

    07/12/2022
  • 8 Key Insights ความฉลาดทางอารมณ์ ทักษะสำคัญที่ผู้นำในควรมี (Emotional Intelligence)

    By Danniel Goleman “ความฉลาดทางด้านอารมณ์” หรือ “Emotional Intelligence” คือ ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึก และสามารถบริหารจัดการอารมณ์และการการแสดงออกได้อย่างเหมาะสม เพื่อการใช้ชีวิตของตัวเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ในแง่ของการเป็นผู้นำหรือหัวหน้านั้น “ความฉลาดทางด้านอารมณ์” จึงเป็นทักษะที่จำเป็นต้องมีเป็นอย่างมากในบทบาทผู้นำที่จะสร้างขวัญกำลังใจและแรงจูงใจของพนักงาน ตลอดจนส่งเสริมความมีประสิทธิผลให้กับองค์การ ให้นำพาองค์กรและพาทีมและองค์กรก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ 3 ลักษณะความฉลาดทางอารมณ์ที่ผู้นำควรมี 1. ทักษะ (Skill) ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ นำทางความคิด และพฤติกรรม 2. ความรู้สึก (Feeling) การจัดการความรู้สึก ที่จะส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมความรุนแรง 3. สมอง (Brain) การจัดการความรู้สึกที่จะส่งผลให้มีแนวโน้มของพฤติกรรมความรุนแรง ผลกระทบของความรู้สึกเชิงบวกและเชิงลบ อารมณ์ (Emotions) สามารถช่วยเราได้ “ในการสังเกตุความรู้สึกคนอื่นและคาดการณ์การกระทำที่ดีของผู้อื่นได้” อารมณ์ (Emotions) สามารถทำร้ายเราได้ ความรู้สึกของเราอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล จนทำให้นำไปสู่อารมณ์ความรู้สึกผิด Teach Emotional Intelligence หัวหน้างานและลูกทีมส่งผลต่อความฉลาดทางอารมณ์ของกันและกัน หัวหน้างานและลูกทีม สามารถพัฒนาร่วมกันในการให้ Feedback อย่างสร้างสรรค์ ชื่นชมพนักงานที่บริหารจัดการอารมณ์ได้ดี สนับสนุนให้พนักงานสื่อสารความรู้สึกและสิ่งต่างๆ ออกมา โดยสรุปแล้วผู้นำสามารถสร้างความฉลาดทางด้านอารมณ์ได้ แบ่งออกเป็นหลักสำคัญ

    28/10/2022
  • 8 Key Insights ความฉลาดทางอารมณ์ ทักษะสำคัญที่ผู้นำในควรมี (Emotional Intelligence)

    By Danniel Goleman “ความฉลาดทางด้านอารมณ์” หรือ “Emotional Intelligence” คือ ความสามารถในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึก และสามารถบริหารจัดการอารมณ์และการการแสดงออกได้อย่างเหมาะสม เพื่อการใช้ชีวิตของตัวเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ในแง่ของการเป็นผู้นำหรือหัวหน้านั้น “ความฉลาดทางด้านอารมณ์” จึงเป็นทักษะที่จำเป็นต้องมีเป็นอย่างมากในบทบาทผู้นำที่จะสร้างขวัญกำลังใจและแรงจูงใจของพนักงาน ตลอดจนส่งเสริมความมีประสิทธิผลให้กับองค์การ ให้นำพาองค์กรและพาทีมและองค์กรก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ 3 ลักษณะความฉลาดทางอารมณ์ที่ผู้นำควรมี 1. ทักษะ (Skill) ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ นำทางความคิด และพฤติกรรม 2. ความรู้สึก (Feeling) การจัดการความรู้สึก ที่จะส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมความรุนแรง 3. สมอง (Brain) การจัดการความรู้สึกที่จะส่งผลให้มีแนวโน้มของพฤติกรรมความรุนแรง ผลกระทบของความรู้สึกเชิงบวกและเชิงลบ “ในการสังเกตุความรู้สึกคนอื่นและคาดการณ์การกระทำที่ดีของผู้อื่นได้” ความรู้สึกของเราอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล จนทำให้นำไปสู่อารมณ์ความรู้สึกผิด Teach Emotional Intelligence โดยสรุปแล้วผู้นำสามารถสร้างความฉลาดทางด้านอารมณ์ได้ แบ่งออกเป็นหลักสำคัญ 5 ข้อคือ 1. การรู้จักตนเอง (Self-Awareness) 2. การควบคุมตัวเอง (Self-Regulation) 3. การมีแรงจูงใจ (Motivation) 4. การเข้าใจผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง(Empathy) 5.

    28/10/2022