เราคงเคยเห็นโปสเตอร์ให้กำลังใจมากมายที่คอยเตือนเราว่า
“We don’t remember days, we remember moments.”
“เราไม่จดจำวัน เราจดจำช่วงเวลา”
ซึ่งเป็นความคิดที่มีความสำคัญ แต่มันมีความหมายอย่างไรกับผู้นำ?
หากเป็นความจริงที่ว่าเราสามารถสร้างผลกระทบแง่บวกที่ยั่งยืนในใจผู้อื่นได้โดยการสร้างช่วงเวลาที่จริงจังและปลุกอารมณ์ เราก็ควรถามตนเองว่าเราได้ใช้เวลาไปอย่างไรในช่วงเวลาแห่งการเป็นผู้นำ ลองทบทวนถึงทุกการ Interaction ที่มีตลอดทั้งวัน
“How many of these are truly memorable?”
“มีกี่ครั้งที่การปฏิสัมพันธ์เหล่านี้น่าจดจำ?”
“How many of these are making permanent marks on others?”
“มีกี่ครั้งที่การปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ได้ถูกจารึกอย่างถาวรในใจของผู้อื่น?”
หากสงสัยว่าจำนวนครั้งที่เกิดขึ้นนั้นน้อยจนน่าผิดหวัง เราอาจต้องพิจารณาเปลี่ยนแปลงวิธีทำกิจกรรม ในฐานะผู้นำในแต่ละวันนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีสองปัญหาให้ตระหนักและก้าวข้ามให้ได้
ปัญหาแรก ในฐานะ Leaders ซึ่งถูกส่งเสริม ฝึกอบรม และให้รางวัลจากความเด็ดขาดและการกระทำ ในหลายๆ แง่ โดยภาพลักษณ์ของตนเองนั้นเกิดขึ้นจากความคิดที่ว่าเราทำให้ตนเองโดดเด่นในฐานะผู้นำ ด้วยการทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นและทำให้เกิดขึ้นทันที ทำต่อไป อย่าหยุด เวลาเป็นเงินเป็นทอง!
ปัญหาที่สอง สมองของเราเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เราพูดกับตนเองเกี่ยวกับความซับซ้อนในการบริหารองค์กร การเอาตัวรอดในตลาด และการประคองให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป
ดังนั้น ผู้นำจะสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยจากการพยายามแก้ไขสิ่งต่างๆ จากภาวะวุ่นวายในโลกหลายใบ (งาน อาชีพ ตลาด ครอบครัว เพื่อน ฯลฯ) ไปเป็นการทำให้ช่วงเวลากับผู้อื่นมีความสำคัญและมีความหมายได้อย่างไร?
6 แนวทางปฏิบัติและแนวทางในการสร้างความแตกต่าง
1. Before every conversation, be clear about your genuine intentions and your most ambitious expectations.
ชัดเจนกับจุดประสงค์และความคาดหวังก่อนที่จะเริ่มการสื่อสาร เมื่อทั้ง 2 ส่วนประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกัน จะส่งผลอย่างมากต่อความสำเร็จในการปฏิสัมพันธ์ ทั้ง 2 ส่วนประกอบเหล่านี้มีความสำคัญมาก ไม่เพียงแค่เพิ่มความแม่นยำของผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่ยังหล่อหลอมมุมมองที่คนอื่นมีต่อเราและลักษณะความเป็นผู้นำของเราด้วย ความชัดเจนของจุดประสงค์และความคาดหวังจะทำให้เกิดการเปิดใจและความสนใจ นำมาซึ่งการสื่อสารที่หลากหลายและสร้างสรรค์
2. Get totally present with others, even if only for a few moments.
ใส่ใจกับคนตรงหน้าให้มากที่สุดแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ โดยเรามักโทษตารางอันยุ่งเหยิงของตนว่าเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถใส่ใจคนอื่นได้เต็มที่ เราปล่อยให้จิตใจวิ่งวุ่นไม่หยุด ด้วยเรื่องราวที่เราสร้างขึ้นมาเกี่ยวกับผู้คน สถานที่ และสิ่งที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน นิสัยเหล่านี้บั่นทอนความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับคนอื่น กล่าวคือความสามารถในการใส่ใจกับช่วงเวลาปัจจุบันกับคนตรงหน้าแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ จงพัฒนาความสามารถทางจิตใจเพื่อปิดกั้นความหลากหลายเรื่องราวที่วิ่งวนอยู่ในสมองของคุณตลอดเวลา
3. Become an expert at genuine inquiry.
ถามอย่างจริงใจ เราอยู่ในช่วงเวลาที่การตรึกตรองและใช้วิจารณญาณแบบลงลึก มักถูกมองว่าเป็นคนไม่กล้าตัดสินใจ นี่ไม่ใช่แค่การเปิดใจเรียนรู้ แต่คือแนวทางในการเข้าร่วมในทุกบทสนทนาด้วยข้อสันนิษฐานว่าเรามีความคิดที่ผิดในบางเรื่องและเรากระตือรือร้นอย่างมากที่จะแก้ไขความคิดที่ผิดนั้นผ่านการสื่อสาร ผู้คนมักจะให้ความสนใจในการสื่อสารที่เกี่ยวกับความรู้และมุมมองที่เราให้ความสำคัญอยู่เสมอ
4. Become seriously mindful.
มีสติให้มาก ในปัจจุบันมีความเข้าใจผิดในวงกว้างเกี่ยวกับคำว่าการมีสติ การมีสติไม่ได้เกี่ยวกับการฟังผู้อื่นอย่างระมัดระวัง แต่เกี่ยวกับการฟังตนเองอย่างระมัดระวัง กล่าวคือ
“the intentional, accepting and non-judgmental focus of one’s attention on the emotions, thoughts and sensations occurring in the present moment.”
“การจดจ่ออย่างตั้งใจ ยอมรับ และไม่ตัดสินอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน” (Zgierska, 2009)
เราสามารถฟังตนเองในตอนนี้ได้ไหม? เรารับรู้และยอมรับอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของเราหรือไม่? เราสามารถเข้าร่วมบทสนทนาด้วยลักษณะและบุคลิกเฉพาะตัวของเราได้หรือไม่? การมีสติทำให้เรามีพลังในการพาตัวตนทั้งหมดของเราเข้าสู่การสื่อสาร
5. Give voice to the one thing that needs to be said.
พูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูด เรามักจะมีสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดอยู่เสมอ: คำติชม ข้อมูล คำให้กำลังใจ หรือมุมมองใหม่ จงสร้างนิสัย
“Walk Away Empty”
“การเดินจากไปโดยไม่มีอะไรติดค้าง”
ปล่อยให้ความคิดและจุดประสงค์เป็นตัวนำทาง พูดสิ่งที่ต้องพูดในขณะนั้น สิ่งที่คุณรู้ว่าจะช่วยคนคนหนึ่งได้มากที่สุด ด้วยความหวังดีที่สุด
6. Always stand on the rock of your deepest beliefs and values.
ยืนหยัดในความเชื่อและคุณค่าที่ยึดถือ บางคนอาจคิดว่า 5 ข้อด้านบนคือคำแนะนำในการเพิกเฉยหรือกดคุณค่า ความเชื่อ หรือหลักการของคุณ ซึ่งไม่เป็นความจริง สำหรับการนำในช่วงเวลาหนึ่ง คุณจำเป็นต้องชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ และการซื่อสัตย์ต่อสิ่งเหล่านั้นทำให้คุณมีพลังในการทำสิ่งต่างๆ ที่ได้กล่าวมาด้านบน ดังที่ Maya Angelou กล่าวไว้อย่างคมคายว่า
“I have a certain way of being in this world, and I shall not, I shall not be moved.”
“เรามีวิธีในการอยู่ในโลกใบนี้ และไม่มีทางที่ฉันจะหวั่นไหว”
ในฐานะผู้นำ (Leader) ต้องรู้จัก Master Key แนวทางปฏิบัติที่มุ่งเน้นอนาคต เช่น การสร้างวิสัยทัศน์ (Vision) การวางกลยุทธ์ (Strategic Planning) และการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ที่ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จขณะก้าวไปข้างหน้า (Large-Scale Change) แต่สำหรับพนักงานของเราล่ะ? สามารถช่วยให้พนักงานสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในประสิทธิภาพการทำงานและอาชีพได้หรือไม่? เราใส่ใจคนในองค์กรมากพอที่จะสร้างช่วงเวลาที่สำคัญจริงๆ หรือเปล่า?
โปรดตระหนักว่า: สิ่งเหล่านี้คือตัวพลิกสถานการณ์ในแง่ผลกระทบของภาวะผู้นำในระยะยาว อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การปรับเล็กๆ น้อยๆ ในแง่มนุษยสัมพันธ์ แต่ทั้งหมดจำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อให้สามารถตอบสนองผู้อื่นในวิธีที่ลึกซึ้งมากขึ้น
พัฒนาผู้นำในองค์กรของคุณด้วยโปรแกรมพัฒนาความเป็น Leadership ที่เรามี เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้คุณได้รับทักษะและความรู้ที่จำเป็นเพื่อกลายเป็นผู้นำที่เหมาะสมสำหรับองค์กรของคุณ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Source www.bluepointleadership.com