ในปัจจุบัน โลกธุรกิจกำลังถูกท้าทายด้วยการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ามาของ AI และระบบดิจิทัลที่ส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งต้องเร่งปรับตัว จากสิ่งที่เราเคยคิดว่า “New Normal” กลายเป็น “Not Normal” ที่ส่งผลกระทบต่อทุกด้านขององค์กร จุดนี้เองที่ทำให้บทบาทของบอร์ดบริหารและผู้นำองค์กรสำคัญยิ่งกว่าที่เคย
บทความนี้ได้รวบรวมแนวคิดและมุมมองเชิงลึกจากการจัดเสวนาในหัวข้อ “Thailand’s Innovation Drive: How Boards Can Lead Competitive Transformation” ว่าด้วยการนำพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบสนองต่อยุคใหม่ โดยมุ่งเน้นประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ การนำนวัตกรรมมาใช้ และการสร้างศักยภาพของคนในองค์กร
ท่ามกลางยุคที่เทคโนโลยีมาไวไปเร็ว และโลกการทำงานต้องเผชิญ AI Disruption ความเข้าใจ และการรับมือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง บรรดาผู้ร่วมเสวนาในงานนี้ได้ถ่ายทอดไอเดียที่จะช่วยให้บอร์ดบริหารและผู้จัดการระดับสูงสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาองค์กร เพื่อขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิใน Panel นี้ ได้แก่
ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์
Managing Director, Thailand Future และ CEO บริษัท ViaLink
คุณพรทิพย์ กองชุน
COO & Co-founder บริษัท จิตตะ ดอท คอม จำกัด
ดร.สันติธาร เสถียรไทย
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย
คุณอรนุช เลิศสุวรรณกิจ
CEO & Co-founder บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด
คุณปริชญ์ รังสิมานนท์
Co-founder บริษัท ลูลู่ เทคโนโลยี จำกัด
และดำเนินการเสวนาโดย
ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ
CEO บริษัท แอดเจส จำกัด
การเปลี่ยนแปลงเริ่มจาก “Why” ไม่ใช่ “How”
ในยุค Hyper Moore’s Law ที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเป็นสองเท่าในทุกๆ หกเดือน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เราคุ้นชิน แต่สิ่งสำคัญที่ผู้นำองค์กรไม่ควรมองข้าม คือการตั้งคำถามสำคัญที่ว่า “ทำไม?” หรือ “Why?” เพราะองค์กรไม่ได้สร้างขึ้นเพียงเพื่อรองรับเทคโนโลยี แต่ต้องมุ่งเน้นไปที่คุณค่าที่องค์กรสร้างขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากกลยุทธ์ แนวคิดที่สำคัญคือการกำหนดจุดหมายชัดเจนให้ AI และเทคโนโลยีทำหน้าที่สนับสนุนเป้าหมายทางกลยุทธ์ที่ถูกวางไว้ แทนที่จะปล่อยให้เทคโนโลยีเป็นตัวชี้นำ
เทคโนโลยีคือเครื่องมือไม่ใช่เป้าหมาย
หนึ่งในปัญหาที่หลายองค์กรเผชิญคือการลงทุนในเทคโนโลยีโดยไม่ชัดเจนว่าจะนำไปใช้แก้ปัญหาอะไร หรือปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างไร ตัวอย่างที่ชัดเจนจากหลายองค์กรไทยคือการให้ฝ่าย IT เป็นหัวหน้าขับเคลื่อน Digital Transformation โดยขาดการประสานงานจากบอร์ดและผู้บริหารระดับสูง ความเข้าใจบริบทองค์กรและภาพรวมทางธุรกิจจึงตกหล่น
สิ่งสำคัญที่สุดในจุดนี้คือ บอร์ดบริหารและซีอีโอควรทำงานร่วมกับทีมทุกฝ่ายเพื่อค้นหา “Pain Point” และวางกลยุทธ์ที่ชัดเจน ก่อนจะเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับใช้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ความท้าทายของการนำ AI เข้าสู่ระบบองค์กร
AI ไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกสิ่ง แต่มันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในภาคธุรกิจ ปัญหาสำคัญที่พบในหลายองค์กร คือการนำ AI มาใช้โดยไม่คำนึงถึงบริบทขององค์กรเอง อาทิ การขาดบุคลากรที่เข้าใจ Data ซึ่งเป็นหัวใจของ AI โดยตรง
หากไม่มีการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ การลงทุนใน AI อาจเป็นการสูญเปล่า สิ่งที่บอร์ดควรคำนึงถึงคือ การดึงดูดคนเก่งในด้าน Data และ AI เข้ามาร่วมงาน พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่รองรับการเปลี่ยนแปลง
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ การกำหนดบทบาท AI ในแต่ละจุด เช่น การปรับใช้ AI ในงานซ้ำซ้อน หรืองานที่สิ้นเปลืองทรัพยากรมนุษย์ ในขณะที่ลดข้อกังวลในเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความโปร่งใสในการจัดการ Vendor อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง “วัฒนธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง” ในองค์กร
วัฒนธรรมที่เปิดรับความเปลี่ยนแปลงถือเป็นหัวใจหลัก ในที่นี้ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เป็นเพียง Event หรืองานเฉพาะกิจที่เกิดขึ้นแล้วจบไป แต่มันต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งใน DNA ขององค์กร
ตัวอย่างที่น่าสนใจที่กล่าวถึงในเสวนาคือ การเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในองค์กรกับรถบัสเมื่อต้องเปลี่ยนทิศทาง คนที่พร้อมขึ้นรถต้องได้ขึ้นก่อน รถต้องออกแม้ว่าจะมีคนไม่พร้อมที่ยังรออยู่ หากรอให้ทุกคนขึ้น องค์กรอาจสูญเสีย momentum ไป
บอร์ดและผู้บริหารจำเป็นต้อง Empower กลุ่มที่พร้อมเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็น Change Makers ในองค์กร แนวทางนี้จะช่วยขับเคลื่อนกระบวนการเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
การลงทุนในคนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ตัวอย่างที่น่าประทับใจจาก Google คือการเปิดโอกาสให้พนักงานได้ทดลอง และล้มเหลวบ้าง เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ในบริบทไทย ผู้นำองค์กรควรสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพ และช่วยขับเคลื่อนแนวคิดใหม่ๆ ผ่านการผสมผสานความสามารถกับบุคลากรที่มีประสบการณ์
AI อาจเข้ามาช่วยงาน แต่คนคือหัวใจหลักในการทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้า การลงทุนใน Reskill และ Upskill ของพนักงานจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ การเรียนรู้แบบลองผิดลองถูก (Learning by Doing) ควรถูกส่งเสริมในองค์กร
ใช้โอกาสไทยในความเปลี่ยนแปลงระดับโลก
ในเสวนายังมีการกล่าวถึงโอกาสที่ประเทศไทยอาจคว้าได้ในคลื่นเทคโนโลยีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา AI ผ่านข้อจำกัดของทรัพยากร หรือการเติบโตในตลาดใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างประเทศ
ยืน – กว้าง – ไกล
- 1.ยืน : ใช้จุดแข็ง เช่น การบริบาลสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
- 2.กว้าง : มองหาโอกาสนอกเหนือเขตแดน เช่น ตลาดระดับภูมิภาค (Regional)
- 3.ไกล : วางแผนมองอนาคต เช่น การเตรียมพร้อมสู่ Care Economy
สรุป
ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโฉมธุรกิจทุกภาคส่วน บอร์ดบริหารและผู้บริหารคือผู้ที่กำหนดชะตาการอยู่รอดและความสำเร็จขององค์กร การให้ความสำคัญกับกลยุทธ์มาก่อนเทคโนโลยี การให้ความรู้และ Empower บุคลากร และการมองหาโอกาสในคลื่นความเปลี่ยนแปลง จะเป็นกุญแจที่พาธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน
อนาคตมาถึงแล้ว และหน้าที่สำคัญของผู้บริหารคือการนำพาองค์กรให้เติบโตต่อไปในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายใหม่ๆ พร้อมที่จะเปลี่ยนแล้วหรือยัง?