การสร้างความยืดหยุ่นทางภูมิรัฐศาสตร์ในบริบทของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ | Building Geopolitical Resilience in Thailand and Southeast Asia

ในบริบทโลกปัจจุบัน ภูมิรัฐศาสตร์ไม่ใช่เพียงเรื่องของความตึงเครียดในภูมิภาคอีกต่อไป แต่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อทุกด้านของเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการพัฒนาของประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ไทยในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคมีบทบาทสำคัญในการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงและโอกาสทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยการวางกลยุทธ์ที่เน้นความร่วมมือและยืดหยุ่น

การใช้กลยุทธ์ผ่านมุมมองของผู้คน | Building People-Centric Geopolitical Strategies

การบริหารจัดการภูมิรัฐศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่เป้าหมายทางธุรกิจ แต่ยังเกี่ยวข้องกับผู้คนในองค์กร การมีส่วนร่วมของพนักงานจากหลากหลายมุมมองเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาความยืดหยุ่นในระยะยาว

หลักการสำคัญ 5 ด้าน | Five Key Elements จากทาง McKinsey & Co. ที่พูดถึงเรื่อง Geopolitics

1. การยอมรับแนวคิดพหุภาคี | Multipolarity

ในโลกที่มีหลายขั้วอำนาจ การเปิดรับมุมมองที่หลากหลายเป็นสิ่งจำเป็น ไทยสามารถใช้บทบาทของตนในอาเซียนเพื่อส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประเทศ เช่น การจัดการประชุมบอร์ดหรือวาระสำคัญในพื้นที่ต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเอาใจใส่ต่อผู้คนในแต่ละตลาด

นอกจากนี้ การมีตัวแทนจากประเทศต่าง ๆ ในองค์กร โดยเฉพาะตำแหน่งที่มีผลต่อการตัดสินใจ เช่น คณะกรรมการความเสี่ยง จะช่วยสร้างสมดุลและความเข้าใจเชิงลึกในการดำเนินงาน

ตัวอย่างเช่น ในไทย การสร้างกระบวนการประเมินความเสี่ยงที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น จะช่วยให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความท้าทายและโอกาสที่แต่ละพื้นที่เผชิญ

2. การสร้างความเข้าใจผ่านความเคลื่อนไหวของบุคลากร | Mobility

โครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรระหว่างตลาดที่แตกต่างกัน เช่น การส่งผู้นำองค์กรของไทยไปปฏิบัติงานในประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน หรือการอบรมพนักงานในภูมิภาคให้มีความเข้าใจในมุมมองระดับโลก จะช่วยสร้างความไว้วางใจและการเชื่อมโยงระหว่างทีมงาน

3. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ | Messaging

ในยุคที่คำพูดมีผลเท่าการกระทำ ผู้นำต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าองค์กรควรแสดงจุดยืนในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ใด และมีวิธีการสื่อสารอย่างไร มาตรการที่แสดงถึงความโปร่งใส เช่น การอธิบายเหตุผลในการตัดสินใจที่มีผลต่อแนวนโยบายขององค์กร สามารถช่วยป้องกันความขัดแย้งภายใน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การใช้ตัวกลาง เช่น อดีตผู้จัดการส่วนงาน ที่สามารถถ่ายทอดความคิดเห็นระหว่างพนักงานและผู้บริหารได้อย่างสมดุล ซึ่งเป็นแนวทางที่องค์กรไทยสามารถนำไปปรับใช้

4. การสร้างแรงบันดาลใจอย่างยั่งยืน | Motivation

นอกเหนือจากค่าตอบแทนและความมั่นคงในอาชีพ การแสดงให้เห็นว่าองค์กรให้ความสำคัญกับพนักงานในช่วงเวลาที่เกิดความท้าทาย เช่น การให้การสนับสนุนในด้านสวัสดิการและการฝึกอบรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในระหว่างความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ จะช่วยเสริมความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร

5. การกำหนดภารกิจที่ชัดเจน | Mission

การมีพันธกิจที่มุ่งเน้นความเป็นสากลและมุ่งสร้างคุณค่าในทุกตลาดช่วยเป็น “ดาวนำทาง” ให้กับองค์กร ในไทย การกำหนดภารกิจที่ครอบคลุม เช่น “การเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนและโลก” จะช่วยส่งเสริมการดำเนินกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลง

ไทยกับบทบาทในเกมพันธมิตร | Thailand’s Role in Balancing Global Alliances

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการเป็นประตูสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ

ตัวอย่างเช่น การพิจารณาใช้เทคโนโลยี AI ของจีนอย่าง DeepSeek ควบคู่กับการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ เช่น IoT ในอุตสาหกรรมไทย จะช่วยให้เกิดการรวมตัวของสองขั้วอำนาจในแนวทางที่สร้างสรรค์

ขณะเดียวกัน การส่งเสริมเขตอุตสาหกรรมพิเศษ (EEC) ให้เป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนที่ดึงดูดทั้งนักลงทุนจีนและสหรัฐฯ จะช่วยให้ไทยมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

บทสรุป | Shaping Thailand’s Geopolitical Resilience

การบริหารความสัมพันธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทยไม่ใช่เพียงเรื่องของนโยบายระหว่างประเทศ แต่เป็นการทำให้ผู้คนในองค์กรและตลาดมองเห็นคุณค่าในความร่วมมือ การใช้กลยุทธ์ที่เน้นพหุภาคี การสื่อสารที่โปร่งใส และการสนับสนุนบุคลากร จะช่วยเสริมสร้าง “ผืนผ้าที่เชื่อมโยงกัน” ให้แข็งแกร่งในท่ามกลางแรงกดดัน

เมื่อรัฐบาลและภาคธุรกิจของไทยทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ประเทศไทยจะมีศักยภาพเป็นผู้นำในภูมิภาค และส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกอย่างแท้จริง

Leave a Reply