สติ: พลังของการอยู่ ‘ที่นี่และเดี๋ยวนี้’
“เมื่อเราตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ในอดีตและอนาคตเป็นสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ เราจะพร้อมที่จะจดจ่อกับช่วงเวลาปัจจุบันได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเราเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และงานของเราจะมีประโยชน์และเป็นผลมากขึ้น”
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในปัจจุบัน เรามักจะบ่นว่าไม่มีเวลาสำหรับความสงบและความสุข เราหมกมุ่นอยู่กับการ “กระทำ” มากจนไม่มีเวลา “อยู่” ในขณะนั้น จิตใจของเราบิดเบี้ยวอยู่ตลอดเวลา เช่น ตัวเรากำลังเข้าร่วมการประชุมแต่จิตใจเรากลับอยู่ที่อื่น
สิ่งรบกวนจิตใจสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากจิตใจภายในของเราหรือผ่านวัตถุภายนอก ด้วยการเกิดขึ้นของเทคโนโลยี สิ่งรบกวนของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งหลักๆ แล้วเกิดจากโทรศัพท์มือถือ อีเมล ข้อความ แชท เป็นต้น ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกแห่งการแข่งขัน จิตใจของเราจึงพยายามที่จะพาความคิดของเราไปสู่อดีตอันยุ่งยากหรืออนาคตที่ไม่แน่นอน นำความรู้สึกของเราที่เป็นอยู่ในปัจจุบันออกไป
การมีสติเป็นศาสตร์ของการพยายามจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน อยู่ในขณะนี้ “ที่นี่และเดี๋ยวนี้” แต่จิตใจในระดับจิตสำนึกของเรานั้นกลับพยายามที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าด้วยความคิดภายในใจผ่านการหลุดไปกับอดีตหรืออนาคต การไม่ควบคุมจิตใจของเราจะส่งผลให้เราเข้าสู่โหมดการขับเคลื่อนของพฤติกรรมแบบอัตโนมัติ หรือ Auto Pilot
จิตใจของเรายังคงส่งเสียงดังแม้ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกภายนอกจะสงบ ส่งผลให้อารมณ์ไม่มั่นคง โดยเมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับความคิดภายใน เราจะสูญเสียพลังงานและความสงบสุขไป สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางอารมณ์และสติปัญญา ประสิทธิภาพการทำงานของเราจะลดลง ในขณะที่ความสามารถในการจัดการอารมณ์ของเราก็หมดลงด้วยเช่นกัน
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องกำหนดใจให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเรามุ่งความสนใจไปที่ความเงียบสงบของจิตใจโดยไร้สิ่งเร้าล่อใจให้หลงทาง เราจะสามารถดำเนินชีวิตตามเป้าหมายหลักของการมีชีวิตอยู่ หรือการอยู่อย่างสันติ มีความสุข และเต็มไปด้วยความรัก
ในโลกของจิตวิญญาณ การทำสมาธิแบบเจริญสติช่วยเพิ่มพลังความตั้งใจ ความสงบ และความสุขให้กับผู้ปฏิบัติ ในชีวิตจริงที่ต้องรับมือกับสถานการณ์เร่งด่วน เราขอแนะนำให้หยุดพักจากกิจวัตรประจำวันเป็นเวลา 2 นาทีเป็นระยะๆ เพื่อสัมผัสกับช่วงเวลานั้นๆ และสังเกตความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองในฐานะผู้สังเกตการณ์ เพราะสติไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด แต่เป็นการเดินทางเพื่อความเป็นตัวของตัวเอง
ทั้งที่รู้ว่าเราไม่สามารถควบคุมอดีตของเราได้ แต่เราก็เอาแต่คิดถึงและสูญเสียพลังงานไปกับมันมาก และในทำนองเดียวกัน อนาคตไม่ใช่สิ่งที่เราที่จะกำหนด ชีวิตของเราอาจจะสะดุดลงอย่างกะทันหันในช่วงเวลาใดก็ตามเพื่อให้เราได้สัมผัสกับวันใหม่ที่ดีต่อไป
ทันทีที่เราตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ในอดีตและอนาคตเป็นสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ เราก็จะพร้อมที่จะจดจ่อกับช่วงเวลาปัจจุบันได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของเราเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และงานของเราจะมีประโยชน์และเป็นผลมากขึ้น
หลักการและข้อปฏิบัติบางอย่างที่สามารถช่วยให้เรามีสติมีดังต่อไปนี้ :
- เมื่อตื่นนอนตอนเช้า ใช้เวลาสัก 2-3 นาทีในการนั่งสมาธิ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของการฝึกหายใจหรือทำสมาธิตามคำแนะนำก็ได้
- ขณะที่ทำกิจกรรมใดๆ จงจดจ่ออยู่กับการกระทำนั้นๆ อย่าปล่อยให้จิตล่องลอยไปที่อื่น เช่น หากคุณกำลังแปรงฟัน ให้ลองสังเกตขั้นตอนการแปรงฟัน สัมผัสของแปรง และอยู่กับการแปรงฟันโดยรวม
- อย่ายัดเยียดข้อมูลให้กับตัวเองมากเกินไป social media ในยุคปัจจุบันมีเนื้อหามากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงเสียงรบกวน หลีกเลี่ยงการเข้าถึงเนื้อหาเชิงลบในช่วงเช้าของวันเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะสิ่งเหล่านั้นจะอยู่กับคุณไปทั้งวัน
- ในขณะทำงาน ไม่ว่าความคิดของคุณจะพาคุณไปยังเหตุการณ์ในอดีตหรืออนาคตที่คาดการณ์ไว้ จงนำมันกลับมาและสัญญาว่าจะใช้เวลากับหัวข้อที่งานของคุณพาไป ใช้เวลาระหว่างวันเพื่อทบทวนเหตุการณ์เหล่านี้อย่างสร้างสรรค์ และไม่ปล่อยให้ความคิดของคุณล่องลอยไปกับเหตุการณ์หรือความคิดเหล่านี้อีก
- เตือนใจของคุณเสมอว่าคุณไม่สามารถควบคุมโลกภายนอกได้ แต่สามารถควบคุมโลกภายในได้ ผู้คนจะไม่เป็นไปอย่างที่คุณต้องการ คุณต้องยอมรับเรื่องเหล่านี้แทนที่จะโกรธคนหรือสถานการณ์ เพราะเวลาโกรธ จิตใจของคุณจะทำให้ความคิดคุณฟุ้งซ่าน
- สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด จงหยุดพักระหว่างวันเป็นประจำ ลองหลับตาเพ่งดูความว่างของจิตและกำหนดลมหายใจเพื่อทำสมาธิ เป็นเวลา 2 นาที สิ่งนี้จะช่วยเติมพลังให้กับตัวเอง และทำให้คุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น สงบขึ้น และมีพลังมากขึ้น
สติกับความเป็นผู้นำ
เราไม่สามารถจัดการผู้อื่นได้ก่อนเราเรียนรู้ที่จะจัดการตัวเอง ความเป็นผู้นำที่มีสตินั้นเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดการตนเองในระดับสูงและการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ในการเป็นผู้นำ การมีสติถึงอารมณ์ คุณค่า และความรู้สึกของตนเอง ในขณะที่มีความตระหนักถึงสิ่งเดียวกันนี้ต่อผู้อื่นนั้นจะสามารถสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างมาก
สร้างวัฒนธรรม Mindfulness ในองค์กรของคุณ ปรึกษากับ ADGES เพื่อเรียนรู้แนวทางนำ Mindfulness ไปใช้ในองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดปัญหาความเครียด พนักงานสุขภาพดี มีความสุข องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม Contact Us