สติที่ให้สันติสุขภายใน: ‘หลุมหลบภัย’ ใจให้สงบสุขด้วยพลังของ ‘สติ’ 

วิธีการสร้างหลุมหลบภัยหรือการอยู่อย่างมีความสุขท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่รวดเร็ว อีกทั้งปัจจุบันสภาพแวดล้อมและสังคมมีความวุ่นวาย จึงมักมีแรงปะทะส่งผลกระทบทางจิตใจอยู่เสมอ  

ปกติสิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งต้องเจอในทุกคน คือรูปแบบ เริ่มจากวัยเรียน วัยทำงาน วัยเกษียณ โดยระหว่างทางจะต้องมีสิ่งที่กระทบเข้ามาในแต่ละช่วงวัย เพราะมนุษย์จะมีเซ็นเซอร์ที่ติดตัวมาตลอดนั่นคือ ตา หู จมูก ลิ้น ใจ ซึ่งพอมีการเขยื้อนก็จะมีความสามารถในการปรุงดีหรือปรุงร้ายก็ได้ และสติจะเป็นตัวช่วยได้ เหมือนเปรียบเทียบกับการขับรถหากขับสะเปะสะปะ จะต้องมีการกระทบกระทั่ง ชน หรือเราจะเลือกขับตามเส้นทางของเราไปโดยมีคนที่อยู่ในรถที่คุ้นชิน และเป็นคนที่เราเปิดเพลงหรืออยากปฏิสัมพันธ์ด้วย สิ่งเหล่านี้เราสามารถเลือกได้ โดยมีสติเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราไม่ต้องขับไปเจออุบัติเหตุ เพราะสติคือเป็นเพื่อนแท้ที่อยู่กับเราอยู่แล้วไม่ว่าเราจะรู้จักกับเขาหรือไม่  

วิธีการดูว่าสติอยู่กับเราหรือไม่ 

เพื่อนแท้ของสติ นั่นคือ การตระหนักรู้ (Self-awareness) เวลาทำงานหรือร้องเพลง ความสามารถอยู่กับปัจจุบัน เช่น การพูดจา ฟังเสียงเพลงในขณะนั้น เท่ากับว่าตอนนั้นเรารู้ในสถานการณ์ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร นั่นคือตัวเราอยู่แล้ว แต่ในหลายๆ ครั้งเราไม่สามารถดึงเอาสติตัวแท้มาใช้ได้ในสถานการณ์ที่เราต้องการเขา เปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเวลาเข้าฟิตเนสไปหยิบก้อนเหล็กเวทที่หนักมา และเชื่อว่าหลายคนที่ไม่เคยยกเวทมาก่อนอาจจะยกไม่ไหว แต่ถ้าเราฝึกไปเรื่อยๆ การฝึกสติด้วยการอยู่กับปัจจุบัน ลองเลือกมาวิธีหนึ่งวันหนึ่งเราก็สามารถยกได้ 

จากที่ได้ไปฝึกคอร์สกับอาจารย์ทิเบต 1 ท่านมา เพราะอยากเรียนรู้เรื่อง Sound Meditation จากเสียงระฆังของทิเบต เมื่ออาจารย์ตีระฆังแล้วถามเราว่า ได้ยินเสียงระฆังหรือไม่ เราบอกได้ยิน นั่นแหละคือ Sound Meditation แล้ว เพราะคุณได้ยินเสียงนั้นแล้ว เรารู้ว่าสภาวะที่เกิดขึ้นคืออะไรแล้วเกิดความตระหนักรู้ขึ้นมาได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นอย่างไปเครียดเกร็งเกินไป เหมือนพร็อพการแต่งตัวต้องมาก่อน ต้องพูดช้าหรือเดินช้าเพราะถือเป็นการฝึกสติ แต่ความจริงเพียงแค่เข้ายิมแล้วรู้สึกตัวกับการยกน้ำหนักที่จะทำในรูปแบบไหนก็ได้ นั่ง เดิน หรือแค่ฟังเสียงให้จิตจดจ่ออยู่กับการฟังเสียงนั้นอยู่ ก็ถือเป็นสติตัวเล็กๆ แล้ว โดยพระทิเบตพูดได้น่ารักมากว่า จริงๆ เราสามารถสะสมสติเหมือนหยดน้ำเล็กๆ ไปเรื่อยๆ เพียงถ้าเราทำบ่อยๆ ถี่ๆ ก็จะสามารถทำให้น้ำเต็มแก้วได้เหมือนกัน ดังนั้น สติสามารถสร้างได้และอย่าไปเกร็งกับมันเกินไป 

man holding two jigsaw puzzles put together busin 2023 11 27 04 50 46 utc

เทคนิคหรือวิธีการปฏิบัติที่ทำให้สร้างสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว  

ปกติทุกคนต้องมีการเคลื่อนไหว เพราะชีวิตคนทำงานมาเยอะ ต้องมีการประเมินผลงาน พอมาถึงบ้านแล้วแบตหมด ก็อยากนั่งหลับหรือเป็นการนอน จริงๆ ซึ่งอย่าไปฝืนมาก ถ้าเราเห็นประโยชน์หรือมีความสุขกับสิ่งที่ทำ เช่น ชอบและแฮบปี้กับการร้องเพลงก็ทำ เพราะจริงๆ การได้ทำอะไรที่อยากทำ จะทำให้มีคลื่นจิตที่มีความสุขหลั่งไหล ดังนั้น ต้นทางที่สำคัญคืออย่าไปเครียดกับมันมาก ส่วนตัวอยากรู้ว่าต้นทางเป็นอย่างไร จึงปฏิบัติและภาวนา เพราะการปฏิบัติมันคือการต้องไปทำอะไรอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้สติออกมา ซึ่งต้นทางของการปฏิบัติคือ การเตรียมบ่มเพาะ (Cultivate) แล้วเดี๋ยวสติเขาจะมาเอง เพราะเราไม่สามารถบังคับสติเขาได้ เหมือนกันกับการปลูกต้นไม้ที่ไม่สามารถบังคับให้เขาโตได้ แต่เราสามารถเตรียมเครื่องเคียงด้วยการเตรียมเมล็ด แสง น้ำ แล้วเดี๋ยวต้นไม้ก็จะโตของเขาเอง  

จุดแรกของการฝึกสติคือเราต้องมีความสุขกับสิ่งที่เราทำอยู่ก่อน ถ้านั่งสมาธิแล้วเบื่อ ให้เลิก แล้วลองหาอะไรที่ทำแล้วมีความสุขในการทำ ส่วนตัวก็เข้าสู่สังคมสูงวัย ไม่ชอบปาร์ตี้ดึก แล้วตื่นนอน ตี 3-4 ใช้เวลา 1 ชม.เดินจงกรม พอเราทำอะไรคุ้นชินร่างกายก็จะจำของเขาเอง เดิน คิด เราต้องหลอกล่อเขาบ้างโดยมานั่งหลับตาเพื่อดูลมหายใจตัวเอง ฟัง Sound Meditation พอเราเห็นแนวทางหลายวิธีมากขึ้น ก็จะพอเข้าใจวิธีการปฏิบัติกับทางสายพุทธ หรือที่อื่นว่าแต่ละแห่งก็จะมีความเหมือนความต่างอย่างไร ถ้าเราตั้งเป้าไว้สูงๆเช่นทำ 10 นาที ครึ่งชั่วโมงหรือเยอะๆ ไปเลยมันจะเครียด ดังนั้น ควรเริ่มจากการทำน้อยๆ ก่อน Short Time แต่ Many Times จะได้ไม่เครียด 

ลองหาวิธีที่จะกลับมาอยู่กับตัวเราเรื่องการฝึกสติ ซึ่งต้นทาง คือ ต้องเริ่มจากการสร้างการตระหนักรู้ก่อน เพราะเกิดมาเรามีเซ็นเซอร์อยู่แล้ว เรามีจริตทางด้านไหนก็ใช้จริตทางด้านนั้น เช่น ชอบนั่ง ชอบเดิน ชอบฟังเสียง บางคนเพ่งอะไรบางอย่างแต่ความจริงการภาวนามีอีกหลากวิธี หลายคนอาจคุ้นชินสมถะคือการจดจ่อกับอะไรบางอย่าง หรือเพ่งแต่ภายในแต่จะแก้ยาก ความจริงเราอย่าเพิ่งไปกลัว ปกติคนเมืองจะฝึกได้ แต่มีหลายอย่างต้องทำทั้งการหาอยู่หากิน การใช้ทักษะด้านสมองเพื่อทำงานเต็มที่ ฝึกทักษะการคิดแก้ไขปัญหา วางกลยุทธ์  

แต่อย่าลืมว่าเราควรเติมอาหารให้เขาเรื่อยๆ ด้วยการสร้างจิตที่ติดอยู่กับตัวเรา Monkey Mind และจิตนี้มีนิสัยอย่างหนึ่งคือชอบจับฉวยอารมณ์ไปเรื่อยๆ จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จิตเราเหมือนลิงจริงๆ การฝึกสตินั่นคือเพื่อไม่ให้ลิงไปไกลมาก ล่ามลิงไว้กับเสาหนึ่งเพื่อให้มีอิสระไปไหนได้บ้าง เพราะจิตมีหน้าที่หรือฟังก์ชั่นที่ต้องรู้ เพราะถ้าเราไม่ให้เขารับรู้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ให้นิ่งๆ ซึม มันผิดจริตหรือฟังก์ชั่นของจิต 

ดังนั้นการฝึกสติต้องเบิกบาน บางทีไปปฏิบัติพอออกจากการปฏิบัติธรรมก็แย่งกันขับรถออกจากประตูวัดกันแล้ว ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อน อย่าไปกดให้จิตซึมๆ เพียงแต่เราต้องหาหลักยึด คือ สมถะ อยู่กับลมหายใจ เช่น กับการเดิน ก็จะไม่ทำให้เตลิดไปไกลแล้ว ซึ่งเมื่อพอกลับมาที่ฟังก์ชั่นการทำงานก็จริงจังกับการทำงาน แล้วจัดเต็ม Monkey Mind ไปสัก 1-2 ชม. แล้วค่อยเติมสติ สติที่ให้สันติสุขภายในก็จะเกิด เราเริ่มเห็นประโยชน์จากเขาแล้วจะไม่หนีหายไปไกล เพราะรู้ว่าแค่นั่งนิ่งๆ ดูลมหายใจ ความสุขน้อยๆ ก็เกิดขึ้นมาแล้ว สติก็สามารถเกิดขึ้นได้แล้วในระบบนิเวศน้อยๆ ของเรา โดยไม่จำเป็นต้องขับรถเพื่อไปสถานที่ปฏิบัติธรรม มัน Right Here Right now จริงๆ เราสามารถทำที่ไหนก็ได้ ตอนนี้ขณะนี้ 

dad and son are sailing on a boat on the lake for 2023 11 27 05 08 09 utc

ปัจจุบันในอินเทอร์เน็ตอย่าง YouTube ก็มีข้อมูลมากมายให้ได้มองเป็นแนวทางในการศึกษาและปฏิบัติ จริงๆวันหนึ่งเราหายใจด้วยการอยู่แต่ในห้องปรับอากาศ ซึ่งอาจจะไม่ดีในระยะยาว เลยอยากให้ลองหาเวลาเดินตามสวนสาธารณะหรืออยู่กับธรรมชาติดู เพียงแต่วิธีการนำเสนอการฝึกสติหรือลีลาให้เข้าใจความสำคัญ ถือว่าสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องคอนเทนท์การฝึกสติเลย 

ลองสังเกตดูเวลาเราอยู่กับธรรมชาติ เราจะนิ่งและมีความสงบขึ้น เพราะเวลากวาดตาดูธรรมชาติ สมองเราไม่ได้มีการแปลค่าหรือมีการสมมุติเกิดขึ้น ใบไม้คือใบไม้ ภูเขาคือภูเขา ตรงข้ามกับเวลาเดินไปเดินห้าง นี่แบรนด์สินค้า รองเท้ารุ่นใหม่ออกมาแล้ว จิตก็ยิ่งเติมเชื้อ Monkey Mind ไปอีก แต่ถ้าไปลองอยู่กับธรรมชาติ Monkey Mind ก็จะสงบลง เพราะไม่มีอะไรมาปรุงหรือสมมุติ จึงอยากแนะนำตอนช่วงเช้ามาให้เดินสวน และเชื่อว่าแต่ละสวนจะมีวงที่สนทนาหรือสนใจเรื่องสติ ซึ่งหนึ่งในที่นิยมมากสุดในต่างประเทศในการฝึกสติคือ การรำไทชิ ก็คือ Movement Meditation นั่นคือ การจดจ่อต่อสิ่งที่เคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นกับลมหายใจ การเล่นโยคะ แต่นั่นคือการสร้างความตระหนักคือการฝึกสติ แต่ถ้ามานั่งสมาธิอย่างเดียวแต่ร่างกายก็ไม่พร้อมตี 4 มาฝึกทำแต่ง่วงอยากนอน ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ให้เริ่มต้นจากการลองไปสวน เดินชมนกชมไม้ ลองสร้างความรู้สึกตัว ไม่ต้องไปเครียดมากกับการปฏิบัติ บวกกับสภาวะปัจจุบันที่น่าจะมีอะไรให้ดูเยอะ แต่ต้องพยายามไม่ปรุงกับมันมาก 

ดูรายการย้อนหลังได้ Zaabnews : EP.24 สติที่ให้สันติสุขภายใน l ขบวนการ สว สูงวัย ไปต่อ