10 Mindfulness Techniques to Practice at Work

การทุ่มเทกับการทำงานเรื่องที่ดี แต่บางครั้งการทำงานหนักเป็นเวลานานหลายชั่วโมงจนไม่มีให้ตัวเองได้หยุดพัก และบ่อยครั้งอาจทำให้คุณรู้สึกว่ากำลังใช้พลังงานชีวิตทั้งแรงกายแรงใจทั้งหมดไปกับการทำงาน เหมือนกำลังแลกช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตไปกับการทำงานโดยไม่ได้มีโอกาสได้หยุดพัก 

ทุกวันนี้ พนักงานและบริษัทต่างๆ มุ่งให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสภาพการทำงานผ่านเทรนด์สุขภาพอย่างหนึ่ง นั่นคือ “สติ”

สติ คือ ความสามารถในการรับรู้ในทุกช่วงของความคิด ความรู้สึกทางกาย และสภาพแวดล้อมโดยรอบผ่านมุมมองที่อ่อนโยน โดยการใช้เทคนิคการฝึกเจริญสติ โดยเฉพาะในที่ทำงาน จะช่วยให้คุณคลายความเครียด และเพิ่ม Productivity ให้กับคุณได้ ดังนั้น เพื่อช่วยให้คุณพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ นี่คือ 10 วิธีเจริญสติในที่ทำงาน

1. ตั้งเป้าหมายในทุกๆ เช้า

เพื่อให้สิ่งที่คุณตั้งใจลงมือทำประสบความสำเร็จ คุณควรเขียนความตั้งใจเพื่อให้ตนเองมีสมาธิจดจ่อ ความตั้งใจอาจะเป็นเป้าหมายในการเรื่องการทำงานหรือเรื่องส่วนตัว เช่น ฉันจะมองทุกอุปสรรคในวันนี้เป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี อาจจะเป็นการเขียนลงบนโพสต์อิทแล้วแปะไว้ที่โต๊ะทำงานหรือย้ำเตือนซ้ำๆกับตนเอง โดยการทำวิธีนี้ จะเป็นการกระตุ้นให้คุณอยู่กับตัวเองเพื่อพิจารณาพฤติกรรมที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับความตั้งใจของตัวเองมากขึ้น 

2. ทำให้งานของคุณมีความหมาย

เป็นเรื่องยากที่จะตั้งสติให้จดจ่ออยู่กับงานที่คุณไม่อยากทำ นี่คือเหตุผลที่คุณต้องหาเป้าหมาย (Purpose) ในสิ่งที่คุณทำ ลงใช้เวลาทบทวนดูว่า ทำไมคุณถึงตัดสินใจสมัครงานนี้? ช่วงเวลาใดในตอนที่ทำงานแล้วทำให้คุณมีความสุข? ลองเขียนลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ เมื่อคุณมีวันที่รู้สึกว่าทุกข์ใจ ให้คุณลองหยิบลิสต์นี้ออกมาย้ำเตือนตัวเองถึงจุดประสงค์ของการลุกขึ้นมาในแต่ละวัน

3. เรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน

ไม่ว่าคุณจะทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไหน คุณก็สามารถสติหลุดได้ง่ายๆ เมื่อคุณรู้ตัวว่ากำลังเสียสมาธิ ให้คุณหยุดเพื่อทบทวนตัวเองดูสักพัก มีคำถามอยู่ 2-3 ข้อที่คุณสามารถใช้ถามตัวเองเพื่อตั้งสติและอยู่กับปัจจุบัน เช่น 

  • งานหนึ่งอย่างที่คุณสามารถทำได้ตอนนี้คืออะไร? 
  • เกิดอะไรขึ้นรอบตัวคุณบ้าง? 
  • วันนี้คุณทำอะไรเสร็จไปแล้วบ้าง? 

การใช้เวลาสังเกตตัวเองและงานของตนจะทำให้คุณรู้สึกกลับมามีกำลังใจ ช่วยเพิ่มสมาธิ ให้คุณมีแรงฮึด และทำให้คุณมีสมาธิทำงานได้จนจบวัน

4. พักสมองบ้าง

คุณกำลังเครียดอยู่หรือเปล่า? พักสมองบ้างสิ

แม้ว่าว่าปกติสติจะถูกควบคุมด้วยความคิด แต่บางครั้งคุณต้องทำจิตใจให้ปลอดโปร่งเพื่อจดจ่อกับสิ่งที่สำคัญ ในระหว่างวันลองหยุดพักสัก 10 นาที เพื่อออกไปสูดอากาศข้างนอก ฟังพอดแคสต์สั้นๆหรือกิจกรรมที่ทำให้คุณได้ผ่อนคลายเพื่อรีเซ็ตสมองของคุณ ทำให้เมื่อกลับไปทำงาน คุณจะรู้สึกสดชื่นและพร้อมที่จะทำงานต่อ

5. ทำงานทีละอย่าง

คุณเคยพยายามทำอะไรหลายๆ สิ่งพร้อมกันไหม? หากคุณเคยทำ มีงานใดสำเร็จลุลวงไปด้วยดีหรือไม่? สิ่งสำคัญในการฝึกสติคุณควรจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เมื่อคุณพยายามทำงานหลายอย่างจนล้นมือ คุณจะรู้สึกหนักใจและไม่สามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จได้อย่างเต็มความสามารถ ลองเปลี่ยนเป็นการเรียงลำดับความสำคัญแล้วเริ่มมือทำตามลำดับ เมื่อคุณทำงานสำเร็จแล้วมองย้อนกลับไปคุณจะรู้สึกอิ่มเอมใจ

6. ฝึกการมีความคิดแบบ Growth Mindset

ทุกความสำเร็จมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ การต้องมี Growth Mindset แทนที่คุณจะมัวแต่พูดว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ลองเปลี่ยนเป็นการพยายามพัฒนาทักษะของตนเองให้ดีขึ้น แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ลงมือทำยาก เพื่อฝึก Growth Mindset ของตัวเอง ลองเริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ จะช่วยให้คุณค่อยๆ ค้นพบและยอมรับในจุดอ่อนของตัวเอง จะช่วยทำให้คุณมีข้อได้เปรียบที่ดีในการยอมรับข้อบกพร่องของตนเองที่บางครั้งอาจเป็นอุปสรรคในการที่คุณจะพัฒนาตนเอง การเสริมสร้าง Growth Mindset จะช่วยให้คุณใส่ใจกับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของคุณมากขึ้น และเพิ่มการยอมรับในตนเองทั้งเวลาที่ทำงานและไม่ทำงาน 

7. ดูแลความรู้สึกของตัวเอง

บางครั้งผู้คนมักเข้าใจผิดว่าสติเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกสงบและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา แต่ความเป็นจริงแล้ว มีใครมีความสุขได้ตลอดเวลาบ้าง? การมีอารมณ์ด้านลบถือเป็นเรื่องปกติของชีวิต แต่ละพบเจอกับอารมณ์ที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้วิธีโอบรับความรู้สึกของตัวเอง การยอมรับอารมณ์ของตนเอง เพียงแค่นั่งอยู่กับตัวเองและบอกตัวเองว่า ‘ตอนนี้ฉันรู้สึกโกรธ’ เป็นขั้นตอนแรกในการปล่อยวางให้อารมณ์นั้นผ่านไป แต่หากคุณพยายามที่จะเพิกเฉยต่ออารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้น อารมณ์เหล่านั้นจะยังรบกวนคุณต่อไป และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานของคุณ และที่สำคัญกว่านั้น คือ การทำร้ายสุขภาพของคุณด้วย

การเจริญสติจึงมีประโยชน์มากโดยเฉพาะในวันที่ตึงเครียด เมื่อยอมรับอารมณ์ด้านลบของตนเองได้แล้ว ให้ค่อยๆ ฝึกการเจริญสติอื่นๆ ต่อไป เช่น การทำสมาธิ การปลดปล่อยอารมณ์ และการกลับมาอยู่กับปัจจุบัน 

8. พักกลางวันเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน 

หลายๆ คนจะหยุดพักจากการทำงานเพื่อไปหาซื้ออะไรทานซักมื้อ แล้วก็มานั่งทำงานในขณะที่ยังคงทานอยู่ กว่าพวกเขาจะรู้ตัวเวลาพักก็หมดลงแล้ว ทั้งทานข้าวและทำงานกลายเป็นไม่เสร็จสักอย่าง เมื่อพักกลางวันควรใช้เวลาไปกับการทานข้าวเพียงอย่างเดียว ไม่เช็คโทรศัพท์ ไม่คิดเรื่องงาน และอ่านอีเมลใดๆ การใช้เวลาช่วงพักกลางวันเพื่อพักผ่อนและรับประทานอาหารกลางวัน จะช่วยเติมพลังงานให้กับคุณและช่วยให้คุณมีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น 

9. ยืดเส้นยืดสาย 

การเจริญสติไม่ใช่แค่การกำหนดความคิดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการรับรู้ถึงร่างกายของคุณเองด้วยไม่ว่าจะเป็นการทำงานหน้าคอมฯ หรือการทำงานที่ต้องยืนทั้งวัน ควรหาเวลาหยุดพัก ยืดเส้นยืดสาย ให้ความสำคัญกับร่างกายส่วนที่ตึงหรือปวด เพื่อให้คุณได้ดูแลตัวเองหลังจากกลับไปที่โต๊ะทำงาน

10. เขียนเกี่ยวกับความสำเร็จของคุณ

บางทีคุณไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณประสบความสำเร็จในการทำงานมากแค่ไหน จนกระทั่งคุณเขียนเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นเอาไว้ ก่อนที่คุณจะกลับบ้าน ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อทบทวนการทำงานในวันนั้นของคุณการจดบันทึกงานที่คุณทำแล้วประสบความสำเร็จ เป้าหมายในการทำงาน จะทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวคุณมากขึ้น จะช่วยให้คุณปล่อยวางและผ่อนคลายได้ดียิ่งขึ้น เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลาในช่วงหลังเลิกงานไปกับการคิดและกังวลเกี่ยวกับเรื่องงานอีก อย่าลืมที่จะทิ้งรายการไว้บนโต๊ะทำงานเพื่ออ่านในเช้าวันถัดไป เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันแห่งความสำเร็จอีกหนึ่งวัน 

Blog 1600 × 500px 16

ทุกคนล้วนเคยผ่านความเครียดในการทำงาน งานเข้าตลอดเวลาเหมือนไม่มีวันเสร็จ แต่ด้วยเทคนิคเจริญสติง่ายๆ 10 ข้อนี้ คุณก็สามารถมีวันทำงานที่มีประสิทธิภาพและส่งผลดีของสุขภาพจิตคุณอีกด้วย การคำนึงถึงสุขภาพจิตและการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพของตนเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงาน และการเจริญสติเป็นขั้นตอนแรกที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในการทำงานอย่างมีสุขภาพจิตดีได้ดีขึ้น

Source : www.inc.com