Adapting to Change: Thai Boards Navigate Sustainability, Geopolitics, and AI

โลกธุรกิจปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความยั่งยืน (Sustainability), ความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Volatility) หรือเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่าง Generative AI (GenAI) คณะกรรมการบริษัท (Board of Directors) ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลและวางทิศทางขององค์กร จึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้

รายงานล่าสุดจาก BCG, INSEAD Corporate Governance Centre และ Heidrick & Struggles ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของกรรมการและผู้บริหาร 444 คนทั่วโลก รวมถึงการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Roundtable) กับกรรมการกว่า 130 คนในหลายภูมิภาค เพื่อศึกษาว่าคณะกรรมการบริษัทกำลังปรับตัวอย่างไร

Key Findings from the Report:

  1. 1.ความรับผิดชอบต่อสังคม (Societal Responsibility): 77% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าคณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบต่อประเด็นทางสังคมในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นยังคงแตกต่างกันว่าควรให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้เหนือกว่าเป้าหมายทางธุรกิจหรือไม่
  2. 2.ความเข้าใจในแนวโน้มที่แตกต่างกัน (Understanding the Trends): กรรมการส่วนใหญ่รู้สึกว่าบริษัทของตนเข้าใจถึงผลกระทบของความยั่งยืนและภูมิรัฐศาสตร์ ดีกว่าผลกระทบของ GenAI (“Directors think that their company has a clearer understanding of the effects of sustainability and geopolitics than it does of generative AI’s impact.”)
  3. 3.การคาดการณ์และการปรับตัว (Anticipating and Adapting): กรรมการจำนวนมากไม่แน่ใจว่าบริษัทของตนสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความได้เปรียบในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ GenAI (“Roughly half of directors are not confident that their company has the muscle to scan the horizon for new threats or opportunities connected to sustainability, GenAI, and trade and geopolitics.”)
  4. 4.วิวัฒนาการของการกำกับดูแล (Evolving Governance): รายงานชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการกำกับดูแลแบบดั้งเดิมที่เน้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไปสู่แนวทางที่ยืดหยุ่นและมองไปข้างหน้ามากขึ้น โดยเน้นที่ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่น

ภูมิรัฐศาสตร์กับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย (Geopolitics and Thai Business):

ภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) หมายถึง ปฏิสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และความมั่นคง ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการค้า สงครามเทคโนโลยี การแข่งขันด้านทรัพยากร และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองภายในประเทศต่าง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้โดยตรง

สำหรับประเทศไทย การรักษาสมดุลในเกมอำนาจระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ซับซ้อนกับทั้งสองมหาอำนาจ การตัดสินใจทางธุรกิจจึงต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งหรือการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเหล่านี้

ปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา ได้แก่:

  1. 1.ความตกลงทางการค้า: การเปลี่ยนแปลงในข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศต่าง ๆ อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและนำเข้าของไทย
  2. 2.นโยบายของรัฐบาล: นโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การลงทุนจากต่างประเทศ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สามารถส่งผลกระทบต่อโอกาสและความเสี่ยงทางธุรกิจ
  3. 3.สถานการณ์ในภูมิภาค: ความขัดแย้งและความไม่มั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการลงทุน

ข้อเสนอแนะสำหรับคณะกรรมการบริษัท (Recommendations for Boards):

  1. 1.เสริมสร้างการเฝ้าระวังและประเมินความเสี่ยง (Enhance Horizon Scanning and Risk Management): Actively monitor and assess risks and opportunities, including geopolitical developments.
  2. 2.กำหนดกลยุทธ์ระยะยาวโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน (Take a Long-Term Perspective Grounded in Purpose): Develop long-term strategies considering the impact of geopolitical factors.
  3. 3.บริหารจัดการความต้องการที่ขัดแย้งกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Lead Across the Divides): Balance the interests of diverse stakeholders, considering cultural differences and international expectations.
  4. 4.พิจารณาผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง (Drive Impact Beyond Business Boundaries): Consider the broader social and environmental impact of business decisions, supporting sustainable regional development.

บทสรุป (Conclusion):

บทบาทของกรรมการบริษัทมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการต้องพัฒนารูปแบบการกำกับดูแลเพื่อแก้ไขปัญหาที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยมุ่งเน้นที่การทำความเข้าใจและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น GenAI พร้อมทั้งปรับตัวและยืดหยุ่นเมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนในโลกธุรกิจ

Leave a Reply