By Cal Newport
“Deep Work ทำงานอย่างไรให้มีประสิทธิภาพเมื่อต้องเจอสิ่งรบกวนในการทำงานตลอดเวลา”
ในท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสื่อ Social media และการทำงานแบบเปิดที่พนักงานแต่ละแผนกสามารถเข้าถึงกันได้ง่าย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนที่จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง
Deep Work เป็นคำที่ศาสตราจารย์ Cal Newport ได้นิยามขึ้น ซึ่งหมายถึงการทำงานในสภาวะที่ไร้สิ่งรบกวน ซึ่งเป็นสภาวะที่เราสามารถโฟกัสกับงานได้เต็มที่โดยไม่เสียสมาธินั้นมีความสำคัญอย่างมากที่ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน เกิดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
4 ทักษะสำคัญสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล
- พัฒนาความสามารถให้เชี่ยวชาญในระดับยากได้อย่างรวดเร็ว
- เรียนรู้ที่จะสร้างผลงานที่มีคุณภาพให้เร็วที่สุด
- ใช้เวลามุ่งเน้นการเรียนรู้ในการทำงาน
- ความยุ่งไม่ได้ทำให้คุณภาพงานออกมาดี
3 กลุ่มคน ที่สร้างกระแสในยุคดิจิทัล
- กลุ่มที่ 1 คือกลุ่ม Highly skilled workers – คนกลุ่มนี้เข้าใจวิธีการทํางานกับเครื่องจักรอัจฉริยะในแผนกข้อมูลการแสดงภาพ และการสื่อสารสูงเป็นหลัก
- กลุ่มที่ 2 คือกลุ่ม Owners – นักลงทุนและผู้ประกอบการเหล่านี้ เริ่มต้นซื้อขาย ลงทุนในธุรกิจต่างๆ และมองหาวิธีที่จะให้ทุนสนับสนุนเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มดีอยู่เสมอ
- กลุ่มที่ 3 คือกลุ่ม The Superstars – กลุ่มสุดท้ายนี้คือโปรแกรมเมอร์และครีเอเตอร์ที่ทุ่มเทเวลาและความพยายามในการเรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างรู้เท่าทัน
แต่ในเมื่อเราไม่สามารถเลี่ยงสิ่งรบกวนที่เกิดขึ้นโดยตรงได้ เรามี 4 เทคนิคที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแม้อยู่ในท่ามกลางสิ่งรบกวน
1. ทำงานอย่างตั้งใจให้ลึกซึ้ง
ทำงานอย่างตั้งใจ พาสมาธิไปโฟกัสอยู่ที่งาน ไม่เข้า Internet หรือเปิดโทรศัพท์เพื่อทำให้เสียสมาธิ
2. เลิกสนใจกับสิ่งที่ทำให้รบกวนสมาธิ
เสียงรบกวนและโทรศัพท์ สื่อ Social Media คือสิ่งรบกวนอันดับต้นๆ ที่ทำให้เสียสมาธิมากที่สุด สิ่งที่สามารถทำได้คือการเลิกสนใจสิ่งรอบข้างต่างๆ ณ ช่วงเวลาที่กำลังโฟกัสกับงาน เช่น ไม่เปิดโทรศัพท์ สื่อ Social Media หรือ หาที่เงียบๆ สำหรับนั่งทำงานเช่น Co-Working space หรือร้านกาแฟ
3. ลดการใช้สื่อ Social Media
Social Media คือสิ่งเสพติดที่ทำให้รบกวนสมาธิอย่างมาก ทำให้วอกแวกทำงานไม่เต็มที่
เนื่องจากเป็นศูนย์รวมของทุกอย่างไม่ว่าจะ Line, Email, Social Media หรือข่าวสารต่างๆ ล้วนสามารถรบกวนสมาธิได้อยู่ตลอดเวลา
4. วางแผนล่วงหน้าในแต่ละวัน
กำหนดช่วงเวลาในการทำงานต่างๆ เป็นขั้นเป็นตอน เช่น กำหนดเวลาในการตอบอีเมลล์ หรือ ลดการทำงานที่ต้องใช้เวลาทำครึ่งวันหรือทั้งวันที่ได้ผลน้อย
ทักษะที่มีค่าที่สุดอย่างหนึ่งในระบบเศรษฐกิจของเรากำลังหายากขึ้นเรื่อยๆ หากคุณเชี่ยวชาญทักษะนี้ คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดา”
Deep Work คือความสามารถในการโฟกัสโดยไม่เสียสมาธิในงานที่ต้องใช้สติปัญญา เป็นทักษะที่ช่วยให้คุณเชี่ยวชาญข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นโดยใช้เวลาน้อยลง การทำงานอย่างลึกซึ้งจะทำให้คุณเก่งขึ้นในสิ่งที่คุณทำและให้ความรู้สึกถึงการเติมเต็มที่แท้จริงที่มาจากงานฝีมือ สรุปคือการทำงานเชิงลึกเป็นเหมือนมหาอำนาจในระบบเศรษฐกิจในศตวรรษที่ 21 ที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่ก็สูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตในแต่ละวันไปกับการหมกมุ่นกับอีเมลและสื่อสังคมออนไลน์อย่างพร่ามัว โดยไม่ได้ตระหนักว่ามีวิธีที่ดีกว่านี้
8 Key Insights Deep Work รูปแบบการทำงานแบบใหม่ในยุคดิจิทัล
1. อะไรคือ Deep Work? (What is deep work)
Deep Work เป็นคำที่ศาสตราจารย์ Carl Newport นิยามขึ้น ซึ่งหมายถึงทักษะของการทำงานโดยสามารถโฟกัสได้โดยไม่เสียสมาธิในงานที่ต้องใช้สติปัญญา ในภาวะที่ปราศจากสิ่งรบกวน
2. หลักการของการต่อต้านน้อยที่สุด (The principle of least resistance)
หลักการนี้ระบุว่าผู้คนจะหันไปทำงานที่ง่าย ๆ หากไม่ทราบผลกระทบของพฤติกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ พนักงานควรเข้าใจอย่างชัดเจนถึงบทบาทของตนและสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขา
3. วางแผนกิจกรรมของคุณล่วงหน้า (Plan your activities ahead)
กิจกรรมระดับมืออาชีพของคุณจะมีทั้งงานตื้นและงานลึก แต่มันยากที่จะบอกได้ว่าคุณไม่ได้เตรียมอะไรมาก่อน วางแผนงานของคุณก่อนที่จะเริ่มเสมอ จัดลำดับความสำคัญของงานเชิงลึก
4. ทำให้เต็มที่สนุกให้สุดเหวี่ยง (Work hard, play hard)
คุณมีพลังงานมากพอที่จะใช้จ่ายต่อวันเท่านั้น แม้ว่าการส่งต่อพลังงานส่วนที่ดีกว่านี้ไปยังงานที่มีประสิทธิผลมากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ แต่การผ่อนคลายก็สำคัญไม่แพ้กัน การหยุดพักผ่อนจะช่วยให้คุณกระปรี้กระเปร่าและทำงานได้ดีขึ้น
5. Shallow work
Shallow work คือการทำงานที่ตรงข้ามกับ Deep work หมายถึง งานที่ไม่จำเป็นต้องจดจ่อและไม่จำเป็นต้องมีการรับรู้ในระดับสูงก็ได้ และนั่นพบบ่อยที่สุดการทำงาน
6. ความยุ่งไม่ได้หมายถึงความก้าวหน้า (Busyness doesn’t mean progrress)
ความจริงที่ว่าคุณยุ่งตลอดเวลาไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังก้าวหน้า คุณอาจยุ่งจนเสียสมาธิ เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งที่ไม่จำเป็น ให้มีเป้าหมายทางวิชาชีพที่ชัดเจนและติดตามอย่างสม่ำเสมอ
7. ฝึกสมาธิอย่างมีประสิทธิผล (Practice productive meditation)
เป้าหมายของการไม่ว่างทางร่างกายแต่มีอิสระทางจิตใจในการคิดคือการมุ่งคิดอย่างลึกซึ้งไปที่งานหรือปัญหาเฉพาะที่ต้องการวิธีแก้ไข คุณสามารถทำได้ขณะวิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่ง หรือทำอาหาร
8. เรียนรู้ที่จะทำงานผ่านความเบื่อหน่าย (Learn to work past boredom)
เป็นการยากที่จะจดจ่อกับสิ่งรบกวนทั้งหมดที่อยู่รอบตัวคุณ ในขณะที่คุณจดจ่อและทำงานอย่างเข้มข้น คุณจะรู้สึกเบื่อและอยากเช็คโซเชียลมีเดียหรืออีเมลของคุณ แต่มันเป็นแค่ความรู้สึก เรียนรู้ที่จะไม่ยอมแพ้ต่อมัน
ADGES พัฒนาความเป็น Leadership ปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับองค์กรและคุ้มค่าต่อการลงทุนด้วยเครื่องมือ Bluepoint เพื่อพัฒนาความเป็น Leadership สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ ADGES e-mail: marketing@adges.net หรือ 088-028-1111 หรือเว็บไซต์ www.adges.net
หมายเหตุ: ADGES เป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาทางด้านการจัดการรวมถึงการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารระดับสูงและทีมงาน หนึ่งในพันธกิจของ ADGES คือการแบ่งปันองค์ความรู้ในเรื่องของการบริหารและการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนา Learning Community ไปด้วยกัน ใน Campaign เรื่อง 50 Best Selling Books ทาง ADGES ได้สรุป Key Highlights ของหนังสือดังกล่าว ทางบริษัทไม่ได้แอบอ้างสิทธิ์ในการเป็นผู้อบรมหรือฝึกสอนให้กับบุคคลหรือกับองค์กรแต่อย่างใด อย่างที่ปรากฏอย่างชัดเจนในเนื้อหาและบทความข้างต้น และทางบริษัทของใช้สิทธิ์ในทางกฏหมายแก่ บุคคล องค์กร และหน่วยงานใดที่พยายามจะเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่ของบริษัทต่อไป