The Future of Jobs and Skills in Thailand: A 2025 Outlook


Introduction: Thailand at a Crossroads


เมื่อเข้าสู่ปี 2025 ประเทศไทยเองก็อยู่ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญมาก ตลาดแรงงานตอนนี้ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร และการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในระดับภูมิภาค รายงาน Future of Jobs Report 2025 by World Economic Forum ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่เราจะใช้ดูว่าไทยพร้อมแค่ไหนสำหรับการปรับตัวครั้งใหญ่ในอนาคต อดไม่ได้ที่จะแปลข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับทักษะที่ตลาดต้องการ ให้รู้ว่าไทยยังช้าตรงไหน และต้องทำอะไรเพื่อพัฒนาแรงงานให้ไปได้ไกลกว่าคู่แข่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

The Rise of Essential Skills

มาคุยกันเรื่องทักษะกันก่อนดีกว่า ทุกวันนี้ถ้าอยากให้มีงานดีๆ หรือแข่งขันได้ในโลกอนาคต เราจำเป็นต้องสร้างพื้นฐานทักษะใหม่ๆ ที่เรียกว่า future-ready skills ทักษะที่กำลังมาแรงที่ไทยต้องให้ความสำคัญมีอยู่หลายอย่าง เช่น

  1. Technological Literacy – ความเชี่ยวชาญในสิ่งต่างๆ อย่าง AI, big data, cybersecurity หรือแม้แต่ programming กลายเป็นพื้นฐานสำคัญไปแล้ว เพราะทุกวันนี้อุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่โลก digital transformation อย่างเต็มตัว
  2. Creative Thinking และ Problem-Solving – งานที่ต้องทำซ้ำๆ หรือ routine กำลังถูกแทนที่ด้วยระบบ automation แต่สิ่งที่เทคโนโลยียังทำไม่เก่งคือ การคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา
  3. Resilience และ Adaptability – ความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญ โลกตอนนี้ไม่แน่นอน ทั้งในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
  4. Environmental Stewardship – โลกกำลังมุ่งหน้าสู่ green economy ทักษะที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เทคโนโลยีด้านความยั่งยืน และการปรับตัวต่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเลยกลายเป็น must-have ทักษะ
  5. Leadership และ Social Influence – การบริหารจัดการทีม การเข้าใจคน และการสร้างแรงบันดาลใจจะสำคัญมากขึ้นในยุคที่ทีมงานมีความหลากหลาย

สิ่งเหล่านี้ชัดเจนว่าทักษะสำคัญในอนาคตต้องสัมพันธ์กับบทบาทงานที่เติบโตเร็ว เช่น Data Analysts, AI Specialists, Renewable Energy Engineers และ Software Developers

Declining Skills: A Shift Away from Routine Work

ในเมื่อมีสิ่งที่ต้องทำเพิ่ม ก็ต้องมีบางอย่างที่ค่อยๆ หายไปด้วย ทักษะแบบไหนบ้างที่ไม่ใช่จุดเด่นอีกต่อไป เพราะ automation และ digitization?

  1. 1.Manual Dexterity – ความแม่นยำในการใช้มือ หรือทำงานที่ใช้กล้ามเนื้อเริ่มถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรแล้ว
  2. 2.Clerical Skills – งานคีย์ข้อมูล พนักงานธนาคาร หรือผู้ช่วยธุรการอยู่ในช่วงขาลงสุดๆ
  3. 3.Basic Literacy Skills in Isolation – แม้ทักษะพื้นฐานยังสำคัญ แต่ตอนนี้เทคโนโลยีสามารถทำสิ่งพื้นฐานเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า

สำหรับแรงงานไทย ความหมายของเรื่องนี้คือ ใครที่อยู่ในภาคงานแบบ traditional จำเป็นต้อง reskilling ให้พร้อมรับตำแหน่งใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น

Regional Competitiveness: How Does Thailand Compare?

เมื่อมองภาพใหญ่ในอาเซียน ไทยถือว่ามีศักยภาพดีอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาอีกมาก ถึงเราจะมีโครงการเจ๋งๆ อย่าง Eastern Economic Corridor (EEC) หรือ “Thailand 4.0” แต่เทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค ไทยก็ยังตามหลังในบางมุม เช่น

  1. 1.Digital Skills Gap – แม้ว่าคนไทยจะใช้งานอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟนเยอะ แต่ว่า advanced skills อย่าง AI development หรือ cybersecurity skills ยังไม่ได้แพร่หลาย
  2. 2.Educational System Limitations – การเรียนแบบท่องจำยังเป็นส่วนหนึ่งใหญ่ของการศึกษาไทย เลยทำให้นักเรียนไม่พร้อมกับงานยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะ digital
  3. 3.Demographic Challenges – ไทยมีประชากรที่สูงวัยขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลต่อกำลังแรงงาน และแรงงานรุ่นใหม่บางกลุ่มก็ยังเข้าไม่ถึงโปรแกรมฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ตลาด

เมื่อเทียบกับประเทศอื่น

  • สิงคโปร์ เด่นเรื่อง AI adoption และ Digital Infrastructure
  • เวียดนาม กำลังปรับการศึกษา STEM อย่างจริงจัง
  • อินโดนีเซีย ยังมีแรงงานอายุน้อยกว่า จึงยังต่อยอดได้อีกเยอะ

Strategic Recommendations for Thailand

หากไทยอยากเพิ่มความได้เปรียบ การลงทุนและปรับตัวตรงนี้เป็นเรื่องห้ามมองข้าม เรามาดูแผนกันว่าควรโฟกัสเรื่องอะไรบ้าง

1. Invest in Digital Skills Development

ผลักดันการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่ยุคดิจิทัลและเตรียมความพร้อมให้แรงงานในอนาคต สิ่งสำคัญคือการเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีราคาย่อมเยา และมีคุณภาพครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในชนบทที่ยังขาดโอกาส เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและสร้างโอกาสที่เท่าเทียม นอกจากนี้ การจับมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เช่น Microsoft, Google และผู้เล่นรายใหญ่อื่น ๆ จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยความร่วมมือนี้สามารถนำไปสู่การจัดทำโปรแกรมการฝึกอบรมในสาขาที่สำคัญ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) พร้อมกันนี้ ควรบูรณาการวิชาความรู้ด้านการเขียนโปรแกรม (Coding) และทักษะดิจิทัล (Digital Literacy) เข้าไปในระบบการศึกษาทุกระดับ ตั้งแต่ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อให้เยาวชนได้รับการพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการอยู่รอดและความก้าวหน้าในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การดำเนินการเหล่านี้ถือเป็นการลงทุนที่สำคัญสำหรับอนาคตดิจิทัลของประเทศ และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

2. Reform Education Systems

ตอบสนองต่อความต้องการด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ประเทศไทยควรลดการเรียนการสอนแบบท่องจำ และปรับเปลี่ยนไปสู่การศึกษาที่เน้น STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทักษะด้านการคิดเชิงปัญหา ซึ่งจำเป็นสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ในโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ควรนำแนวทางการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ (Experiential Learning) มาใช้ เช่น การฝึกงานในสถานประกอบการ หรือการทำโปรเจกต์ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้เตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายในสถานการณ์จริง นอกจากนี้ ความร่วมมือกับภาคเอกชนถือเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบหลักสูตรอาชีวศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคต การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยพัฒนาระบบการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติได้อย่างยั่งยืน

3. Promote Green Economy Skills

ส่งเสริมการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ประเทศไทยควรจัดตั้งโปรแกรมในการฝึกอบรมและพัฒนาผู้เชี่ยวชาญในสาขาพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพียงพอในการจัดการกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต นอกจากนี้ การมีมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สามารถกระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การดำเนินการทั้งสองนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเชิงนโยบายที่สนับสนุนทั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมั่นคงและยั่งยืน.

4. Support Workforce Reskilling

รับมือกับผลกระทบของระบบอัตโนมัติ (Automation) ที่อาจทำให้แรงงานบางส่วนต้องเผชิญกับความท้าทายในการประกอบอาชีพ รัฐบาลควรสนับสนุนการจัดตั้งโปรแกรมพัฒนาทักษะใหม่ (Reskilling Programs) เพื่อช่วยเหลือแรงงานที่ถูกแทนที่โดยเทคโนโลยี ให้สามารถปรับตัวและก้าวเข้าสู่บทบาทงานใหม่ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดในอนาคต พร้อมกันนี้ ควรมีมาตรการจูงใจทางการเงินสำหรับบริษัทที่ลงทุนในการพัฒนาทักษะของพนักงาน (Upskilling) เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือการสนับสนุนทางงบประมาณ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยสร้างระบบเศรษฐกิจที่ปรับตัวได้และเพิ่มขีดความสามารถของแรงงานไทยในการแข่งขันในอนาคต.

5. Policy Innovations

สนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ Thailand 4.0 การวางแผนพัฒนากำลังแรงงานในระยะยาวที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายดังกล่าวถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยแผนดังกล่าวควรมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะแรงงานให้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต อันจะช่วยดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง (High-Tech Industries) ที่จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง นอกจากนี้ ควรมีนโยบายด้านการย้ายถิ่นฐาน (Immigration Policy) ที่สามารถดึงดูดผู้มีความสามารถจากต่างประเทศในสาขาที่ประเทศไทยยังขาดแคลน โดยใช้มาตรการจูงใจที่เหมาะสมและเป็นระบบ การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยยกระดับความสามารถของแรงงานในประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้าในเวทีเศรษฐกิจโลกอย่างยั่งยืน.

Preparing for Workforce Demands Beyond 2025

แม้ประเทศไทยจะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจจากการพึ่งพาเศรษฐกิจแบบเดิม เช่น การเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งไทยเริ่มสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการท่องเที่ยวที่ต้องเผชิญการแข่งขันสูงจากประเทศและจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ แต่โอกาสยังคงอยู่หากประเทศไทยสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจให้เหมาะสมกับแนวทางอุตสาหกรรมใหม่ การใช้เทคโนโลยีเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาวถือเป็นหนทางสู่ความยั่งยืน โดยอาจเรียนรู้จากความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่เติบโตในอุตสาหกรรมดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว 

ในขณะเดียวกัน จุดแข็งสำคัญที่ขาดไม่ได้ของประเทศไทยคือความเป็นเลิศด้านการบริการด้วยใจ (Service Mind) และการให้บริการที่จริงใจอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะ “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” อันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย คำถามสำคัญคือประเทศไทยจะนำจุดแข็งเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีได้อย่างไร เพื่อสร้างความแตกต่างและเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาในอนาคต หากสามารถรวมจุดเด่นด้านการบริการเข้ากับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยได้อย่างลงตัว ไทยจะสามารถสร้างคุณค่าใหม่ที่ยั่งยืนและตอบโจทย์โลกเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างมีศักยภาพ

ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ
Source: Future of Jobs Report 2025, World Economic Forum

Leave a Reply