The Power of Coaching in the Now

นักเขียนที่มีชื่อว่า Eckhart Tolle ได้เขียนหนังสือที่ยอดเยี่ยมเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “The Power of Now” ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นหลัก พร้อมกับการที่ต้องเลี่ยงจากการถูกรบกวนจากความคิดในอดีตหรืออนาคตอยู่ตลอดเวลา แนวคิดของการทำงานใน “ภาวะปัจจุบัน” มีความสําคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เป็นโค้ช โดยความเป็นจริงแล้ว ในการโค้ชนั้น ช่วงเวลา ณ ขณะที่เราสนทนาอยู่ และช่วงเวลาในอนาคตข้างหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เราต่างมีด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นความท้าทายที่สําคัญสําหรับเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับบทบาทของความเป็นผู้นํา

ผู้นําส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องของเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอดีตหรือในเรื่องอนาคต โดยทุกวันพวกเขาถูกให้ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่มีผลในระยะยาว และพวกเขาจำเป็นต้องสร้างแผนและกลยุทธ์สําหรับอนาคตอยู่เสมอ แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนบทบาทเป็นโค้ช พวกเขาพบว่าตัวเขาเองจําเป็นจะต้องเรียนรู้ที่จะทํางานในที่ที่ไม่คุ้นเคย นั่นคือช่วงเวลาปัจจุบัน

การสนทนาในการโค้ชเป็นการประกอบกันอย่างต่อเนื่องของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เมื่อโค้ชคิดไปข้างหน้าอย่าง พวกเขาก็จะไม่สามารถให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้อย่างเต็มที่ โค้ชที่ยอดเยี่ยมจะเข้าหาทุกการสนทนาในการโค้ชด้วยความคิดที่สำคัญกว่าว่า “ฉันต้องทําอย่างไรเพื่อจะได้สามารถจดจ่อกับคนที่อยู่ตรงหน้าได้”

8

ของขวัญแห่งการอยู่ในปัจจุบัน (The Gift of Presence)

การมีอยู่ในปัจจุบัน ถือเป็นของขวัญพิเศษที่โค้ชสามารถให้ผู้รับการโค้ชได้ การอยู่กับปัจจุบันอย่างแท้จริงหมายถึงการนําตัวตนทั้งหมดของคุณมาสู่การสนทนา ความสนใจ คุณค่า การรับรู้ และการหยั่งรู้ของคุณ เริ่มต้นด้วยการเข้าถึงการโค้ชแต่ละครั้งราวกับว่าเป็นครั้งแรกที่คุณพูดคุยกับบุคคลนี้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งละทิ้งสิ่งรบกวนทั้งภายนอกและภายใน และตระหนักว่าความสามารถของคุณในการให้บริการขึ้นอยู่กับคุณภาพของความสนใจและความตั้งใจของคุณในแต่ละสิ่งที่เกิดขึ้นใน “ขณะนี้” ซึ่งต่อเนื่องกันจนเกิดเป็นบทสนทนาในการโค้ช

6

การเจริญสติและการโค้ช (Mindfulness and Coaching)

โค้ชที่มีสติจะตระหนักรู้ถึงความคิดและอารมณ์ของพวกเขาอย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะตระหนักถึงความคิดและอารมณ์ของผู้รับการโค้ชด้วย การเรียนรู้ที่จะใส่ใจในความคิดและความรู้สึกของคุณเองมากขึ้นเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เสียสมาธิน้อยลงระหว่างการโค้ช เมื่อคุณคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวของจิตใจและอารมณ์ของคุณเองมากขึ้น คุณจะเริ่มจำรูปแบบของสิ่งเหล่านั้นได้ การสร้างนิสัยในการสังเกตความคิดและความรู้สึกของคุณจะช่วยเพิ่มการฝึกสติให้คุณมากขึ้น ในการโค้ช การฝึกสติยังหมายถึงการให้ความสนใจกับผู้รับการโค้ช ไม่เพียงแต่สิ่งที่พวกเขาพูดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัญญาณที่ไม่ได้พูดออกมาด้วย คํานึงถึงน้ำเสียง ท่าทาง ภาษากาย และระดับพลังงานของพวกเขา หยุดชั่วคราวและไตร่ตรองอยู่เสมอ หลังจากผู้รับการโค้ชพูด

7

ศิลปะแห่งการฟังอย่างลึกซึ้ง (The Art of Deep Listening)

ในฐานะโค้ช เป็นเรื่องง่ายที่จะนั่งสนทนาด้วยหูข้างหนึ่งที่ใช้ฟังสิ่งที่ผู้รับการโค้ชกำลังพูด และอีกข้างหนึ่งยุ่งอยู่กับการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการจะพูดโต้ตอบ สิ่งเหล่านี้หลายอย่างอาจเป็นข้อกังวลที่มีเจตนาดี แต่ถึงกระนั้น ก็ได้ดึงความสนใจของคุณออกไป ณ ช่วงเวลานั้น ซึ่งผู้รับการโค้ชจะสัมผัสได้ โค้ชที่ยอดเยี่ยมมักฝึกฝนตัวเองให้ฟังสิ่งที่เหนือไปกว่าคำพูดที่ถูกพูดออกมา เพื่อให้พวกเขาสามารถถอดความ ปรับกรอบ ท้าทาย ฯลฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการให้บริการผู้รับการโค้ช พวกเขาฟังอย่างลึกซึ้งในแง่ของคุณค่า ความทะเยอทะยาน ความไม่สอดคล้องกัน อารมณ์ และสิ่งที่ไม่ได้พูดออกมา

พลังของการเชื่อมโยงในการโค้ชนั้นได้รับอิทธิพลอย่างมากจากขั้นที่โค้ชเต็มใจที่จะพัฒนาที่จะทำให้โค้ชจดจ่ออยู่กับปัจจุบันซึ่งเป็นทักษะสำหรับสำหรับโค้ช ในการที่ต้องตระหนักรู้ให้ได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของคุณเป็นคนที่สำหรับที่สุดนั้นเอง

ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ