บริหารคนในยุคไฮบริด: ทักษะผู้นำแบบเดิมอาจไม่เพียงพอ
หลายคนมักเข้าใจว่า ทักษะผู้นำที่ประสบความสำเร็จนั้นใช้ได้กับทุกสถานการณ์ แต่นั่นไม่จริงเสมอไป แน่นอนว่า พื้นฐานของการเป็นผู้นำที่ดีนั้นยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ การกำหนดทิศทาง, บริหารแผนธุรกิจ และบริหารคน แต่ทั้งองค์กรและวิถีของการทำงานกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทักษะที่เน้นในโปรแกรมพัฒนาผู้นำของคุณเมื่อห้าปีก่อน อาจไม่ใช่ทักษะที่คุณควรเน้นในวันนี้ ยิ่งถ้าองค์กรของคุณมีรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด คุณยิ่งต้องบริหารคนแตกต่างจากเดิม
การบริหารคนในทีมไฮบริดแตกต่าง
หากคุณเคยทำงานในรูปแบบ “เข้าออฟฟิศ” มาตลอด การเปลี่ยนไปทำงานจากที่บ้านหรือแบบไฮบริดอาจจะดูแปลกใหม่ พลังงานจากการประชุมแบบตัวต่อตัวกลายเป็นการประชุมผ่าน Zoom และ Teams บทสนทนาสั้นๆ ถูกแทนที่ด้วยข้อความสั้นๆ การสร้างทีมเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้จัดการหลายคนกำลังดิ้นรนสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของพนักงานในทีมไฮบริดอย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาผู้นำและแนวทางการบริหาร
สิ่งที่ต้อง Concern สำหรับพนักงานยุคใหม่
หลายคนพบว่า การทำงานจากระยะไกลบางส่วนเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิด Work-life Balance ที่เขาต้องการ แต่ทุกอย่างมีการ Trade-offs และสองข้อ Concern ที่เรามักพบบ่อย ได้แก่:
- โอกาสก้าวหน้าทางอาชีพน้อยลงหรือไม่? การทำงานแบบไฮบริดหรือแบบรีโมททำให้ Professional Relationships ยากขึ้น พนักงานกังวลว่าจะเป็นเรื่องของ “Out of Sight, Out of Mind” โอกาสจะตกไปอยู่กับคนที่อยู่ที่ทำงานเเบบเข้าออฟฟิศตลอดหรือไม่?
- จะ “หลุดวงจร” (Out of the Loop) หรือไม่? คล้ายกับข้อกังวลเรื่องโอกาสทางอาชีพ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลอาจพลาดแง่ดีของวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่ปาร์ตี้วันเกิดแผนก ไปจนถึงความรู้สึกสามัคคีทั่วไป
การบริหารพนักงานให้มีส่วนร่วมต้องใช้ทักษะเฉพาะ
ด้วยความท้าทายเหล่านี้ ผู้นำต้องคำนึงถึงทักษะผู้นำที่จำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อเพิ่มการรักษาพนักงาน, ความมุ่งมั่น และความพึงพอใจในทีมของตนความสามารถในการเป็นผู้นำ 5 ประการที่อธิบายไว้ด้านล่างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ทักษะเหล่านี้ควรนำไปใช้ในโปรแกรมการพัฒนาผู้นำและพัฒนาศักยภาพของพนักงาน
1. การทำงานร่วมกับคนอย่างราบรื่น (Working well with people)
ผู้นำทุกคนจำเป็นต้องสร้าง Relationship กับสมาชิกในทีม แม้ความสามารถในการบริหารคน (People skills) และ Interpersonal Leadership เป็นสิ่งที่ผู้นำควรมีอยู่แล้ว แต่มันยิ่งสำคัญมากขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริด
ทักษะการเข้ากับคน (Interpersonal Skills) ของผู้นำนั้นยิ่งสำคัญเมื่อคุณไม่ได้มีพบปะพูดคุยโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้จัดการที่มีทีมทำงานทางไกล เนื่องจากผู้จัดการเหล่านี้เป็นผู้กำหนดบรรยากาศและความคาดหวัง ซึ่งส่งผลต่อความกังวลของพนักงาน
Empathetic Leadership ช่วยสร้างความมุ่งมั่น การเป็นผู้นำที่เห็นอกเห็นใจ เน้นที่ความสำคัญของการสื่อสารด้วยความเห็นอกเห็นใจและไว้วางใจ หรือการ Personalize ข้อความให้เข้ากับความต้องการและบุคลิกภาพของสมาชิกในทีม นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างความปลอดภัยทางจิตใจและสร้างบรรยากาศที่พนักงานรู้สึกสบายใจที่จะแบ่งปันความท้าทายและขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
2. การให้ Feedback และ การ Coaching อย่างสร้างสรรค์ (Giving productive feedback/coaching)
ผู้นำต้องมีบทบาทสำคัญในการโค้ชชิ่งสมาชิกในทีมให้ประสบความสำเร็จ การพูดคุยแบบตัวต่อตัวเป็นประจำเพื่อให้ Feedback และ Coaching เกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานอย่างทันท่วงที นอกจากนี้ การพูดคุยเหล่านี้ยังมีประโยชน์ในการแก้ไขข้อกังวลของพนักงาน เช่น ความเครียด ภาวะหมดไฟ และผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ได้ทำงานที่ออฟฟิศ
นี่เป็นอีกโอกาสหนึ่งสำหรับการเป็น Empathetic Leadership ผู้นำที่เห็นอกเห็นใจจะรู้จักสมาชิกในทีมของตนและ Feedback และ Coaching ที่สร้างสรรค์ ซึ่งสามารถช่วยให้พวกเขามีส่วนร่วมและพึงพอใจกับงานของตน การให้ Feedback อย่างรอบคอบและการ Coaching อย่างมีพลัง ส่งผลต่อความมีส่วนร่วมและความพึงพอใจของพนักงานในระยะยาว
3. การส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว (Fostering an inclusive environment)
ในโลกปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับ DEI (Diversity, Equity, and Inclusion) (ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม) “สภาพแวดล้อมในการทำงานแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว” มักหมายถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้คนหลากหลายรู้สึกได้รับการต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ในบริบทการทำงานแบบไฮบริด “สภาพแวดล้อมในการทำงานแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว” มีความหมายเพิ่มเติม ผู้นำต้องมั่นใจว่าสมาชิกทีมทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในที่ประชุม Networking กิจกรรมทางสังคม และกิจกรรมอื่นๆ รวมถึงโอกาสต่างๆ
4. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกัน (Leveraging technology for connection and collaboration)
ทุกคนน่าจะรู้พื้นฐานการใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีการสื่อสารและการทำงานร่วมกันของบริษัท แต่โปรแกรมพัฒนาผู้นำของคุณสอนผู้นำเหล่านั้นให้ใช้ประโยชน์สูงสุดจากความสามารถของแพลตฟอร์มเหล่านี้หรือไม่? คุณใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างไรเพื่อให้สมาชิกในทีมมีส่วนร่วมและเชื่อมต่อ? คุณใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างไรในการสนับสนุนและสร้างวัฒนธรรมองค์กรของคุณ?
ผู้นำต้องใช้เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกันในเชิงบวก โดยไม่ทำให้สมาชิกทีมรู้สึกหงุดหงิด เมื่อใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ ผู้นำสามารถนำแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเข้าไปรวมกับกระบวนการของทีมได้ด้วย
5. สร้างเส้นทางพัฒนาอาชีพที่สร้างสรรค์ (Creating innovative career development paths)
สมาชิกทีมในยุคนี้คาดหวังให้ผู้นำของตนจัดโครงสร้างและความยืดหยุ่นในการทำงาน แทนที่จะมุ่งเน้นแค่ “Climbing the Ladder” กับนายจ้างคนปัจจุบัน พนักงานตระหนักว่าพวกเขาน่าจะต้องทำงานกับองค์กรอีกมากมาย ดังนั้น พวกเขาจึงมุ่งเน้น “การสร้าง Portfolio of Skills” และต้องการเส้นทางพัฒนาอาชีพที่สนับสนุนสิ่งนี้
สำหรับผู้นำ เพื่อตอบสนองสิ่งที่พนักงานต้องการ ผู้นำสามารถที่จะแบ่งงานออกเป็นงานย่อยที่ใช้ทักษะเฉพาะ แล้ว Rotate งานเหล่านี้ให้สมาชิกในทีม นอกจากนี้ยังหมายถึงการช่วยให้สมาชิกทีมมองเห็นว่างานที่ได้รับมอบหมายจะช่วยให้พวกเขาสร้าง Portfolio of Skills ได้อย่างไร บางครั้งผู้นำจำเป็นต้องสร้างพื้นที่และเวลาให้พนักงานพัฒนาทักษะที่ต้องการ แม้ว่าทักษะเหล่านั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับงานของทีมโดยตรง
ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด ยังคาดหวังให้ผู้นำจัดโครงสร้างและความยืดหยุ่นในความสัมพันธ์การทำงานด้วย ซึ่งไม่น่าแปลกใจเมื่อพนักงานหลายคนเลือก Work From Home เพื่อหาสมดุลระหว่างงานกับชีวิต พวกเขาจะพอใจกับงาน Part-time หรือการทำงานนอกเวลาหรือไม่? แล้วการย้ายสายงานบ่อยๆ จะสนับสนุนเป้าหมายโดยรวมของพวกเขาไหม?
เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ ผู้นำจำเป็นต้องพูดคุยเรื่องเป้าหมายอาชีพกับสมาชิกทีมเป็นประจำ จากนั้นจึงระบุและกำจัดอุปสรรค และสนับสนุนการฝึกอบรมและโอกาสที่เหมาะสมเพื่อให้พนักงานแต่ละคนมีส่วนร่วมและพึงพอใจ
ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรักษาพนักงาน, ความมุ่งมั่น, และความพึงพอใจนั้นอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย สิ่งสำคัญในปัจจุบันคือการมุ่งเน้นความพยายามในการพัฒนาเพื่อช่วยให้ผู้นำของคุณพัฒนาทักษะการบริหารคนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นผู้นำทีมที่มีส่วนร่วมและพึงพอใจมากขึ้น
ADGES มีประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับผู้บริหารและองค์กรชั้นนำในการสร้างวัฒนธรรม การทำโค้ชชิ่งให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร โดยนำหลักสูตรของ Bluepoint Leadership มาสร้างองค์ความรู้เรื่องโค้ชที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้นำที่ต้องการโค้ชและเห็นผลจริง สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Contact Us
Source : www.rbl.net
Comments are closed.