Dave Ulrich, PeopleMatter TechHR 2022
ในงาน Tech Conference ทางด้าน HR ที่ใหญ่ที่สุดใน Southeast Asia นั้นก็คืองาน TechHR ที่จัดโดย People Matters โดยครั้งล่าสุดที่ทาง People Matters ได้เชิญผู้บริหารและ CHRO จากบริษัทจดทะเบียนไทยก็คือในปี 2019 หลังจากนั้นการจัดงานก็กลับมาเป็นในรูปแบบของ Virtual เนื่องด้วยสถานการณ์ทางด้าน COVID แต่ในปีนี้ทาง People Matters ได้กลับมาจัดงานอีกครั้ง โดย Theme ในครั้งนี้จะเป็นในเรื่อง Fresh Eyes และในเรื่อง Rethink What’s Possible โดย Keynote Speaker ในปีนี้คือ Professor Dave Ulrich ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น Father of Modern HR และยังเป็น Co-Founder บริษัท The RBL Group ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรของทาง ADGES
โดยในตอนแรก Dave เตรียม Slide มา Share ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่าน แต่ก่อนที่จะเริ่ม Session ได้เพื่งไม่กี่นาที Dave เปลี่ยนใจที่จะสร้าง Dialog โดยไม่ได้ใช้ Powerpoint เป็นตัวสื่อ แต่อาศัยการพูดคุยกับคนที่อยู่ในสายอาชีพ HR ด้วย และด้วยหัวข้อของ Keynote คือเรื่อง HR 3.0: How Can HR Deliver Values to All Stakeholders, Business & People? Dave พูดถึงแนวคิด 10 ข้อ (มีแถมให้อีกข้อ)
Dave พูดถึงแนวคิดทั้ง 10 ข้อมาหลายครั้ง ครั้งนี้ขออนุญาตสรุปมาดังนี้
1.Think Outside-In.
Dave เริ่มจากการที่คนส่วนมากมักที่จะพูดว่า Content is King แต่แค่นั้นยังไม่พอสิ่งสำคัญว่าที่ต้องเข้าใจคือ Context is a Kingdom ในขณะที่องค์กรส่วนมากเร่งที่จะสร้าง Content ผ่านขบวนการทำ Marketing, Upskill and Reskill หรือกิจกรรมต่างๆ ที่องค์กรทำอยู่ แต่สิ่งที่คนในองค์กรมักที่จะมองข้ามนั้นก็คือ การเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าว่าอยากให้องค์กรตอบโจทย์ในเรื่องใด รวมถึงว่ามีความคาดหวังกับองค์กรในเรื่องใด ดังนั้นองค์กรจำเป็นที่จะต้องฟังเสียงจากภายนอกหรือเอามุมมองภายนอกเข้ามาหรือ Outside-In Perspective นั้นเอง
2. HR is not about HR.
เคยมีคนถาม Dave ว่า
“ถ้า HR ไม่สร้าง Value องค์กรจำเป็นที่ต้องมีหรือไม่”
Dave ตอบสั้นๆว่า
“ก็ไม่จำเป็นต้องมี ถ้าไม่มี Value แล้วจะมีไปทำไม“
สองที่ Dave พูดมาตลอดและถือว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ Dave เป็น Guru ทาง HR ส่วนน้อยที่พูดแล้ว CEO ฟัง หน้าที่สำคัญที่สุดของ HR คือการ ‘HR is about creating Value in the Marketing Place.’ ไม่ใช่เรื่องการทำ Training การสร้าง Culture การสร้าง Engagement แต่ถ้า HR ไม่สามารถสร้าง Capabilities ให้กับองค์กรเสียแล้ว HR คงหมดประโยชน์ให้กับธุรกิจ มี Culture ที่ดีแต่องค์กรอยู่ไม่ได้ แข่งแล้วแพ้ จะมีไปทำไม
3. HR creates values to Human Capabilities.
เพื่อที่จะให้เข้าใจประเด็นดีให้ได้ดีขึ้น Dave ขาให้ทุกคนชูมือขึ้นมาสองข้าง ข้างหนึ่งคือ Talent อีกข้างเป็น Organization ส่วนการที่จะทำให้มือสองข้างมาประสานกันคือ Leadership
ดังนั้นสิ่งที่สำคัญก็คือ HR ต้องสามารถที่จะสร้าง Organization Capabilities ผ่านการทำงานของ 3 ส่วน นั้นก็คือ
1. Talent
2. Organization
3. Leadership
ที่ทำให้กับ Capabilities ที่สร้างคุณค่าให้กับลูกค้าขององค์กรได้
“หลายองค์กรมองตัวเองว่าอยากจะเป็น The most profitable organization. หรือ The largest in the industry. คำถามที่ควรจะถามต่อก็คือ แล้วลูกค้าจะได้อะไร“
4. Our people are the customer most important assets.
คำถามที่สำคัญในการทำงานทางด้าน HR ที่คน HR มักจะไม่ถามตัวเองก็คือ ในทุกขบวนการการทำงานของ เราได้ถามตัวเราเองไหม ว่าลูกค้าจะได้อะไรจากสิ่งที่เราอยากทำ
“การ Reskill Upskill การเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร การเปลี่ยนจาก KPI เป็น OKR เราเคยได้เชิญให้ลูกค้ามาเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ HR หรือไม่ การฝึกอบรมของเรามีลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมหรือไม่ ถ้าไม่เคยแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นสิ่งลูกค้าต้องการ“
ทาง ADGES ได้เคยร่วมงานกับ Dave เพื่อทำงานให้กับองค์กรชั้นนำในประเทศไทย งานเริ่มเมื่อเราได้สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับ C-Level ขององค์กรว่าคิดว่าลูกค้าจะพูดถึงเราว่าอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันเราก็เก็บข้อมูลจากลูกค้าควบคู่ไปด้วย
ปรากฏว่าผลลัพธ์เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่องค์กรคิดว่าลูกค้าน่าจะคิดถึงเราในเรื่องนี้ กลับเป็นเรื่องที่เกิดกันตรงกันข้าม ถึงตรงนี้ทาง CEO รู้แล้วว่ามีจุดบกพร่องในขบวนการสร้าง Customer Value ขององค์กร
5. Culture is not your value.
หลายองค์กรเร่งสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพราะงานวิจัยจากทุกสำนักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“วัฒนธรรมองค์กรเป็นเรื่องสำคัญ“
แต่หลายองค์กรเริ่มสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่านขบวนการที่เรียกว่า Inside-Out นั้นก็คือมองกลับมาที่ภายในโดยเอาคุณค่าที่คนในองค์กร ผู้ก่อตั้ง หรือ CEO ยึดถือ และหลายครั้งไม่ได้มีความหมายใดๆ กับลูกค้า เราควรจะต้องตีโจทย์ให้แตก ว่าวัฒนธรรมองค์กรที่เรามักที่จะได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่กันแบบ Family นวัตกรรม การคิดแบบเป็นเถ้าแก่ หมายถึงอะไรจริงๆ และลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างไร
“Dave กลับตั้งคำถามที่ว่า IDENTIY is what in the mind of key customers ดังนั้น Culture starts Outside-In“
6. Job of the leaders – is to make people feel better about themselves.
Dave ยกตัวอย่างการพูดคุยระหว่าง CEO และพนักงานคนหนึ่งที่ทำงานผิดพลาด
“I care about you.”
“You have a great future.”
“You made a mistake.”
“Let fix your mistake.”
หน้าที่ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ HR คือการสร้าง Human to Human experience และบทบาทที่สำคัญของผู้นำคือการทำให้คนที่ leader มี Interaction ด้วยรู้สึกดีมากกว่าก่อนที่จะได้มี Interaction กัน ตรงนี้คงไม่ใช่เป็นการ Fake แต่เป็นการที่มี Emotional Intelligence มีเมตตาและความปรารถนาดี
7. The key to HR is Relationship that we have with each others.
Dave เริ่มด้วยคำถามง่ายๆ ที่ว่า HR รู้สึกว่าคนในองค์กรรู้สึกอย่างไรที่จะต้องไปมี Interaction กับ HR พนักงานส่วนมากจะลังเล หรือมองหาโอกาสเหล่านี้
“หนึ่งในงานหลักของ HR คือการสร้าง Interaction ของคนในองค์กร ถ้า HR ยังมองแต่เรื่อง Technical Side of People แต่หลงลืมกับนัยสำคัญที่ว่า HR ต้องสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกให้เกิดขึ้นในองค์กร เมื่อนั้น HR ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่“
8. Competency is verb more than noun.
HR ชอบพูดถึง Competency, Dave แนะนำว่าเวลาเราพูดถึงเรื่อง Competency หรือที่ภาษาไทย บ้างที่แปลว่าสมรรถนะหรือความสามารถ ให้ใช้เป็น คำกริยา (verb) ไม่ใช่ คำนาม (noun) แน่นอนเราอาจจะเขียน Competency เป็นคำนามอย่างเช่น Partner หรือ Agent แต่จะมีกว่าหรือไม่ที่จะเขียนออกมาและคิดว่า Competency เป็น Verb ที่สื่อให้เห็นถึง Action โดย Dave ให้ให้ตัวอย่าง Competency ที่เป็น Verb ที่ HR ควรจะสร้างให้เกิดขึ้นดังนี้
“Accelerate – the business”
“Advance Capability – try something new”
“Mobilize – info and data”
“Collaborate – with each others”
“Simplify – Simplicity“
9. Technology enables Digital Information.
Dave พูดถึงเรื่อง Technology ว่าจะทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจที่ดีมากขึ้นได้ โดยดูตัวอย่างจาก Disney Land ที่ทุกคนที่เข้าไปจะต้องมี Barcode ที่เป็นกำไลข้อมือ และเมื่อองค์กรมีข้อมูลที่มากขึ้นๆ จะทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น ดังนั้น HR จำเป็นที่ต้อง Upgrade ตัวเองเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง Transformation ให้เกิดขึ้น
10. The best is yet AHEAD.
“สุดท้าย Dave อยากจะบอกกับทุกคนว่าให้เปิดหู เปิดใจ เปิดตา เพื่อรับมือกับสิ่งดีๆ ที่อนาคตจะนำมาให้เรา อย่ามองอนาคตและสิ่งที่ไม่รู้เป็นเชิงลบแต่อยากมองให้เห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้ อนาคตจะดีกว่าวันนี้แน่นอน“
ข้อสุดท้าย Dave ขอแถมเพราะมีคำถามจากผู้ฟังในเรื่องที่เพื่อนร่วมงานรู้สึกท้อแท้กับงานและการเป็น HR
ข้อ 11. Take care of yourself so you can take care of others.
Dave อยากให้ HR ทุกคน ดูแลตัวเองทั้งในเรื่องของ สุขภาพกาย สุขภาพใจ เรื่องจิตใจ มันสมองการเรียนรู้และอารมณ์ และเมื่อ HR สามารถดูแลตัวเองได้แล้ว HR ก็สามารถดูแลผู้อื่นและคนในองค์กรต่อไป
สุดท้ายขอขอบคุณทาง People Matter ที่เชิญให้ไปงานมาทุกปีตั้งแต่ปี 2019 ดีใจที่เห็นงานดีๆ ให้กับชาว HR ที่ไม่ได้มีแค่ขน Vendor มาออก Booth แต่ยังให้แรงบันดาลใจรวมถึงข้อคิดใหม่ๆ ในการชวนให้เปิดมุมมอง และที่สำคัญได้เจอเพื่อนร่วมงานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน รวมถึงหัวหน้าเก่าๆ หลายคน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีช่วงเวลาหนึ่งเลย
เรื่อง : ดร.ณัฐวุฒิ กุลนิเทศ