By Gary D. Chapman
‘ภาษารัก’ แนวคิดจากหนังสือ ‘The Five Love Languages’ ที่เขียนโดย Dr. Gary Chapman ที่กล่าวว่า คนเราจะแสดงความรักในหลายรูปแบบที่แตกต่างกัน สิ่งสำคัญคือ คุณควรรู้และทำความเข้าใจได้ว่าภาษารักของคู่รักของคุณเป็นแบบใด มาลองทำความรู้จักกันว่า 5 ภาษารักนี้มีอะไรบ้าง และมีแบบใดตรงกับคุณและคู่รักของคุณบ้าง
The 5 Love Languages : 5 ภาษารัก
- บอกรักด้วยการแสดงความรัก – แสดงความรู้สึกผ่านคำพูด คำชม และการสนับสนุน
- บอกรักด้วยการมอบของขวัญ – ไม่สำคัญว่าของขวัญชิ้นนั้นจะคืออะไร แต่เป็นเรื่องของความเอาใจใส่ที่อยู่เบื้องหลังของขวัญชิ้นนั้น
- บอกรักด้วยการสัมพัส – การ Skinship อย่างการกอด การจับมือ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์เสมอไป แม้กระทั่งการปลอบขณะเศร้าเสียใจ ก็ถือเป็นการแสดงออกถึงความใกล้ชิดกับคนรัก
- บอกรักด้วยการดูแลเอาใจใส่ – การช่วยหรือทำอะไรบางอย่างให้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือสิ่งที่คนรักของคุณสามารถทำเองได้
- บอกรักด้วยการใช้เวลาร่วมกัน – การมีเวลาที่มีคุณภาพร่วมกัน แม้จะมีเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ควรใช้เวลากับคนรักให้มีคุณค่ามากที่สุด
3 Things to Know About Love 3 ข้อควรรู้เกี่ยวกับความรัก
- รักคือคำกริยา – หากต้องการความรักที่ยั่งยืนต้องอาศัยความพยายามและความตั้งใจในการสร้าง
- รักคือความพึงพอใจ – การเติมเต็มความต้องการความปลอดภัยและการให้ความสำคัญ
- รักคือความรับผิดชอบ – อย่ามัวแต่โทษหรือทะเลาะกันและยอมเป็นฝ่ายขอโทษก่อนบ้างก็ได้
8 Key Insights 5 ภาษารัก (5 Love Languages)
1. อาการคลั่งรัก
เป็นความโรแมนติกในช่วงแรก คุณจะรู้สึกมีชีวิตชีวาและประหม่าในบางครั้ง มีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน และจะมองข้ามข้อบกพร่องในคู่ของคุณ ในช่วงเวลานี้มักจะใช้ระยะเวลาอยู่ที่ 6-24 เดือน
2. ความรักไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณต้องการ
ความรัก ความเสน่หา ไม่ใช่ความต้องการเพียงอย่างเดียวของเรา เรายังคงปรารถนาความปลอดภัย การให้ความสำคัญและเห็นคุณค่าในตัวเอง แต่ความรักจะเชื่อมโยงความสิ่งเหล่านี้และช่วยเติมเต็มชีวิตของเราให้มีความหมาย
3. ผู้ชายมักเข้าใจผิดกับการแสดงความรัก
แรงกระตุ้นหรือจูงใจทางร่างกายที่สูงในตัวผู้ชาย มักทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าการใช้สัมผัสทางกายคือการแสดงออกทางความรัก หรือหากการ Nonsexual ไม่สอดคล้องหรือเป็นตามความต้องการของคุณ ก็แปลว่านั่นอาจจะไม่ใช่การแสดงออกทางความรักสำหรับคุณเช่นกัน
4. ค้นหาการแสดงความรักใบแบบฉบับของคุณ
ลองถามตัวเองดูว่า “อะไรที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณได้รับความมากจากคู่รักของคุณมากที่สุด” “การแสดงความรักแบบไหนที่คุณรู้สึกว่าขาดไม่ได้” ในขณะเดียวกันลองคู่รักและเพื่อนๆ ของคุณด้วยว่าพวกเขาคิดอย่างไร
5. คุณสามารถรักคู่สมรสที่เขาไม่ได้รักคุณได้หรือไม่
อาจจะดูยากแต่ก็เป็นไปได้ คุณต้องใช้ความอดทนและความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น อย่างไรก็ตามในหลายกรณี ความรักของคุณจะชนะใจอีกฝ่าย และทำให้แสดงความรักใคร่ต่อกันมากขึ้น
6. เด็กๆ ก็มีการแสดงความรักเช่นกัน
ลองสังเกตว่าลูกๆ ของคุณ มีการตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไร จะช่วยให้คุณแสดงความรักในแบบที่สอดคล้องกับพวกเขาเมื่อความคลั่งรักหรือช่วงอินเลิฟสิ้นสุดลง คู่รักจะเข้าสู่ความเป็นจริงของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความตั้งใจ การกระทำจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกอีกต่อไปแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
7. ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของความเป็นจริง
เมื่อความคลั่งรักหรือช่วงอินเลิฟสิ้นสุดลง คู่รักจะเข้าสู่ความเป็นจริงของการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความตั้งใจ การกระทำจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้สึกอีกต่อไปแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
8. หากการแสดงความรักของคู่รักนั้นไม่เป็นธรรมชาติสำหรับคุณ
ความรักนั้นมีพลังมากพอที่จะทำให้คุณยอมทำสิ่งที่คุณไม่ได้สิ่งตอบแทน หากคุณรักคู่ของคุณ ให้คุณลองเรียนรู้และเริ่มทำความรู้จักการแสดงความรักของเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่นานคุณก็จะรู้สึกเป็นถึงความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
‘ภาษารัก’ คือ รูปแบบการแสดงออกทางความรักอย่างหนึ่ง บางคนอาจจะแสดงออกมาได้ชัดเจน บางคนอาจจะแสดงออกได้ไม่เก่งมากนัก การเข้าใจในการที่คนรักของคุณไม่ได้แสดงออกทางความรักออกมาในรูปแบบที่คุณต้องการ นั่นไม่ได้แปลว่าเขาไม่รัก เพียงแค่เขามีวิธีการแสดงออกทางความรักที่ต่างออกไป หากเราทำความรู้จักและเข้าใจก็จะสามารถเห็นถึงความรักของคนรักของคุณได้ และเมื่อเรารู้จักและเข้าใจเราก็สามารถแสดงออกทางความรักได้อย่างเหมาะสม
ที่สำคัญ ‘ภาษารัก’ ไม่ได้ใช้ได้เพียงแค่กับคู่รัก แต่ยังสามารถนำไปใช้กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงได้อีกด้วย และไม่ใช่เพียงคำการบอก รัก ที่เราสามารถทำได้ การพูดให้กำลังใจ หรือชื่นชม ก็เป็นการใช้ ‘ภาษารัก’ แสดงออกทางความรักที่อบอุ่นไม่แพ้กัน
หมายเหตุ: ADGES เป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาทางด้านการจัดการรวมถึงการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารระดับสูงและทีมงาน หนึ่งในพันธกิจของ ADGES คือการแบ่งปันองค์ความรู้ในเรื่องของการบริหารและการพัฒนาตนเองเพื่อสร้างองค์ความรู้และพัฒนา Learning Community ไปด้วยกัน ใน Campaign เรื่อง 50 Best Selling Books ทาง ADGES ได้สรุป Key Highlights ของหนังสือดังกล่าว ทางบริษัทไม่ได้แอบอ้างสิทธิ์ในการเป็นผู้อบรมหรือฝึกสอนให้กับบุคคลหรือกับองค์กรแต่อย่างใด อย่างที่ปรากฏอย่างชัดเจนในเนื้อหาและบทความข้างต้น และทางบริษัทของใช้สิทธิ์ในทางกฏหมายแก่ บุคคล องค์กร และหน่วยงานใดที่พยายามจะเบี่ยงเบนวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ในการทำหน้าที่ของบริษัทต่อไป